posttoday

กสทช.ถ่วงเวลา แผนทีวีดิจิทัลไม่คืบ หวั่นจอดับ-กลุ่มทุนงาบ

30 ธันวาคม 2568

สภาผู้บริโภคจี้ กสทช. เร่งคลอดโรดแมปทีวีดิจิทัล เตือน การแช่แข็งนโยบาย เสี่ยงทำฟรีทีวีจอดับ กระทบกลุ่มเปราะบางมากสุด ต้องดูทีวีอ่านเน็ต เปิดทางทุนผูกขาด-มิจฉาชีพ

สถานการณ์อุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยก้าวสู่ช่วงความเสี่ยงสูงสุด เมื่อกลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลและสมาคมทีวีดิจิทัล เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองต่อ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หลังจากมีการดองวาระ "โรดแมปทีวีดิจิทัล" และแผนกำกับดูแลรายการโทรทัศน์ที่แพร่ภาพและเสียงบนอินเทอร์เน็ต (OTT) มานานกว่า 2 ปีนั้น

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า การที่คณะกรรมการ กสทช. ไม่มีแผน "โรดแมปทีวีดิจิทัล" และแผนกำกับดูแลรายการโทรทัศน์ที่แพร่ภาพและเสียงบนอินเทอร์เน็ต หรือระบบ โอทีที (OTT : Over the Top) มาเป็นเวลากว่า 2 ปีนั้น

ปัญหาหลักเกิดจากความขาดเอกภาพภายในบอร์ด และความเหลื่อมล้ำในการพิจารณาวาระ ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าวาระด้านโทรคมนาคม เช่น การควบรวมค่ายมือถือ กลับได้รับความสำคัญและผ่านการอนุมัติอย่างรวดเร็ว แต่ในทางกลับกันวาระด้านทีวีดิจิทัลและวิทยุชุมชนกลับถูกทำให้กลายเป็นเสียงที่ถูกลืม และถูกด้อยค่าลงอย่างเห็นได้ชัด

เสนอ 3 ทางออก ทีวีดิจิทัล

ทั้งนี้เสนอทางออกให้ กสทช. เร่งตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ด้วยการแสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมในการตัดสินใจ ดังนี้

1. เร่งจัดทำแผนทีวีดิจิทัล โดยไม่ว่าจะผ่านวาระการประชุมของคณะกรรมการ กสทช. หรือไม่ สามารถตัดสินใจเพื่อให้เอกชนใช้สิทธิ์ทางปกครองต่อไปได้ แต่ไม่ใช่การแช่แข็งปัญหาไว้เช่นนี้ อีกแนวทางสามารถเสนอแก้กฎหมายหรือการออกแบบการประมูลใหม่ได้

2. ส่วนแนวทางการออกแบบการประมูลใหม่ ไม่ควรเน้นที่ราคาประมูลสูงเกินไป แต่ควรสอดคล้องกับสภาพตลาดที่จำนวนคนดูน้อยลง และไม่จำเป็นต้องเน้นการเคาะราคาที่สูงจนเกินไปเหมือนในอดีต แต่ควรเน้นไปสร้างเงื่อนไขเพื่อประโยชน์สาธารณะ

กสทช.ถ่วงเวลา แผนทีวีดิจิทัลไม่คืบ หวั่นจอดับ-กลุ่มทุนงาบ

สุภิญญา กลางณรงค์

3. เพิ่มเงื่อนไขคุ้มครองผู้บริโภค โดยหากเอกชนได้คลื่นในราคาที่เหมาะสม ต้องแลกด้วยเงื่อนไขการทำรายการเพื่อเด็ก เยาวชน คนพิการ และมาตรการความปลอดภัยไซเบอร์ที่เป็นบริการขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่บริการเสริมที่ต้องเสียเงิน และ 4. การจัดสรรช่วงความถี่ที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดผู้เล่นรายย่อยหรือทีวีชุมชน

กสทช. ต้องแสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การเพิกเฉยต่อโรดแมปทีวีดิจิทัลไม่ใช่แค่ปัญหาทางธุรกิจ แต่คือการทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลข่าวสารของประเทศ ถึงเวลาที่ กสทช. ต้องเลิกแช่แข็งปัญหา หันมาคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคอย่างจริงจัง ก่อนที่ฟรีทีวีของประชาชนจะกลายเป็นเพียงอดีต

เสี่ยงจอดับ หากไม่มีแผน

ทั้งนี้จากความไม่ชัดเจนที่ทำให้เกิดสุญญากาศในการกำกับดูแล โดยหากปล่อยให้ใบอนุญาตหมดอายุในปี 2572 โดยไม่มีแผนรองรับอาจเกิดสภาวะ "จอดับ" ที่สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมและผู้บริโภคอย่างมหาศาล และที่น่าห่วงมากสุดคือ การทำให้ฟรีทีวีต้องยุติการออกอากาศในประเทศไทย จากความไม่ชัดเจนของนโยบาย กสทช. แตกต่างจากในต่างประเทศที่ยังกำหนดนโยบายให้ต้องมีฟรีทีวี เพื่อทำให้ทุกคนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างเท่าเทียม 

สำหรับมุมมองในเรื่องฟรีทีวีนั้น ยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสังคมไทย และควรดำรงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปี จากเหตุผลเชิงลึกและแนวทางสนับสนุนหลายด้าน เนื่องจากการเป็นบริการพื้นฐานสำหรับผู้มีรายได้น้อยและคนที่อยู่ในพื้นที่ชนบท ดังนั้นฟรีทีวีถือเป็นบริการขั้นพื้นฐานที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าถึง

หากฟรีทีวีหายไป ประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ คนในชนบท หรือผู้ที่มีรายได้น้อย จะถูกผลักให้ไปรับข้อมูลข่าวสารผ่านทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว ซึ่งมีต้นทุนค่าอินเทอร์เน็ตที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น และบางกลุ่มอาจไม่มีเงินจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

ขณะเดียวกันพฤติกรรมการรับชมของคนหลายช่วงวัย แม้ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไป แต่คนกลุ่ม เจเนอเรชันเอ็กซ์ และเบบี้บูมเมอร์ ยังคงมีความคุ้นเคยและต้องการดูข่าวหรือละครผ่านจอทีวีเพื่อความผ่อนคลายและประหยัดค่าใช้จ่าย การรับชมทีวีที่บ้านยังเป็นกิจกรรมที่สมาชิกในครอบครัวสามารถทำร่วมกันได้ ซึ่งต่างจากการดูผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

กลุ่มทุนเข้ามาผูกขาด

อีกสิ่งที่น่ากังวลคือ การป้องกันการผูกขาดของกลุ่มทุนโทรคมนาคม โดยหากฟรีทีวีหายไปจากประเทศไทย ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดคือผู้ให้บริการโทรคมนาคม ทั้งค่ายมือถือและผู้ให้บริการเน็ต ซึ่งปัจจุบันมีผู้เล่นหลักเพียง 2 ราย สิ่งนี้จะนำไปสู่ปัญหาเรื่อง "ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึง"

เนื่องจากราคาค่าบริการอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งทีวีไม่ได้เป็นเพียงโมเดลธุรกิจ แต่ยังเป็น "เครื่องมือทางการเมือง" และเป็นพื้นที่สำหรับคอนเทนต์ที่มีความสร้างสรรค์ ซึ่งผู้สร้างควรมีช่องทางในการแสดงผลงานนอกเหนือจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของต่างชาติ

ความเสี่ยงจากสุญญากาศทางนโยบาย ในปัจจุบันใบอนุญาตทีวีดิจิทัลจะหมดอายุในปี 2572 หาก กสทช. ยังดองวาระ และไม่มีโรดแมปที่ชัดเจนภายใน 5 ปีข้างหน้า อาจทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าลงทุนต่อจนเกิดสภาวะจอดับ หรือทำให้ฟรีทีวีเหลือเพียงช่องของรัฐและกลุ่มทุนใหญ่เท่านั้น ซึ่งจะจำกัดทางเลือกของผู้บริโภคอย่างมาก ในระยะยาว

ผู้ที่จะได้รับประโยชน์คือผู้ให้บริการโทรคมนาคมเพียงไม่กี่รายที่มีอำนาจเหนือตลาด ส่วนผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลง และอาจต้องกลับไปเผชิญกับยุคที่ทีวีถูกครอบงำโดยรัฐหรือกลุ่มทุนการเมืองใหญ่เท่านั้น

นอกจากนี้ การที่ กสทช. มีความล่าช้าในการทำแผนกำกับดูแลโอทีที ไม่เพียงแต่สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันระหว่างแพลตฟอร์ม แต่ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ปัจจุบันมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องการนำคอนเทนต์ฟรีทีวีไปออกอากาศบนโอทีที รวมถึงปัญหาการเข้าถึงรายการกีฬาสำคัญ อาทิ ซีเกมส์ ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการไม่มีกติกาที่ชัดเจนยังเปิดช่องให้มิจฉาชีพและสแกมเมอร์ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น รวมถึงมาตรการด้านความปลอดภัย เช่น การแจ้งเตือนภัยไซเบอร์ (Safety Alert) ควรเป็นบริการพื้นฐานที่ทุกค่ายต้องมี ไม่ใช่บริการเสริมที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

ย้อนรอยวาระการประชุมแผนทีวีดิจิทัล

แหล่งข่าวจากสำนักงาน กสทช. เปิดเผยว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2568 เป็นการประชุม กสทช. ครั้งสุดท้ายของปีนี้ นางสาวพิรงรอง รามสูต ได้ทำหนังสือขอให้ ประธาน กสทช. เร่งพิจารณาวาระการประชุมที่ค้างจำนวนมาก โดยเฉพาะควรพิจารณาระเบียบวาระที่ 4.25 เรื่อง (ร่าง) แผนที่นำทาง (Roadmap) กิจการโทรทัศน์และการแพร่ภาพและเสียงของประเทศไทย ในครั้งนี้ เพื่อเตรียมการรองรับก่อนใบอนุญาตโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลจะหมดอายุในปี 2572

ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวมีความจำเป็นต้องพิจารณาภายในปีนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบและเตรียมแนวทางที่ชัดเจนก่อนสิ้นสุดใบอนุญาต โดยได้ทำหนังสือขอเร่งรัดดังกล่าวมาแล้วมากกว่า 10 ฉบับ และทุกครั้งในที่ประชุม ประธาน รับปากว่าจะให้มีการพิจารณาในครั้งต่อไปมาโดยตลอด 

อย่างไรก็ตามในการประชุมครั้งนี้ ประธาน ได้นำวาระโดยแจ้งว่าเร่งด่วนกว่า คือ (ร่าง) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ของสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นวาระที่มีการพิจารณาต่อเนื่องจากครั้งที่ผ่านมา ให้มาพิจารณาก่อน โดยสำนักงาน กสทช. ได้เสนอให้อนุมัติงบประมาณภายใต้กรอบวงเงิน 5,802.7502 ล้านบาท ภายหลังจากที่มีการอภิปรายอย่างยาวนาน

ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ได้เห็นชอบอนุมัติภายใต้กรอบวงเงินที่เสนอโดยไม่มีการเพิ่ม โดยได้มีการปรับลด/เพิ่มงบประมาณบางแผนงาน/โครงการให้ถูกต้องสอดคล้องตามนโยบายและระเบียบ จากนั้น “สรณ” ได้ขอให้พิจารณาวาระเร่งด่วนที่มีกรอบเวลาตามงานประจำ (routine) อีก 4-5 วาระ และได้ปิดประชุม ทำให้ระเบียบวาระที่ นางสาวพิรงรอง ร้องขอไม่ได้รับการพิจารณา โดยได้กล่าวปิดท้ายว่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ในครั้งหน้า    

เมื่อพิจารณาระเบียบวาระที่ค้างการประชุมในปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 45 วาระ ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา และบางวาระค้างมานานกว่า 3 ปี ทั้งที่เป็นวาระที่สำคัญต่อภาคอุตสาหกรรม ประชาชนผู้บริโภค โดยเฉพาะในด้านโทรทัศน์ อาทิ เช่น 

เรื่อง ที่เกี่ยวกับแนวทางการกำกับดูแลอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป ตัวอย่าง เช่น

- วาระ 4.23 เรื่อง แนวทางที่เป็นไปได้และเหมาะสมในการจัดให้มีช่องทางการเข้าถึงกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินบนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยบรรจุวาระตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 (ค้างกว่า 1 ปี)

- วาระ 4.24 เรื่อง (ร่าง) แผนปฏิบัติการภายใต้แผนการจัดให้มีบริการกระจายเสียงและบริการโทรทัศน์พื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (พ.ศ.2566-2568) โดยไม่มีการพิจารณานับตั้งแต่ปี 2566 จนแผนจะสิ้นสุดในปี 2568 (นานกว่า 3 ปี)

- วาระ 4.27 เรื่อง แนวทางกำกับดูแลการให้บริการแพร่ภาพแพร่เสียงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (แนวทางกำกับดูแล OTT) โดยบรรจุวาระตั้งแต่ 25 กันยายน 2567 (ค้างกว่า ปีครึ่ง)

- วาระ 4.29 เรื่อง แนวทางการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อรองรับบริบทหลอมรวมเทคโนโลยี โดยบรรจุวาระตั้งแต่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 (ค้างกว่า 2 ปี) 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ แอสตัน วิลล่า พรีเมียร์ลีก วันนี้ 30 ธ.ค.68