posttoday

เงินเฟ้อไทย พ.ย.68 ลดลง 0.49% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8

03 ธันวาคม 2568

พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อ พ.ย.68 -0.49% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ทั้งปี 68 คาด -0.15 ถึง -0.2% ส่วนปี 69 คาดโต 0.0-1.0%

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ของไทย เดือนพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ระดับ 100.15 ลดลง 0.49% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2567 แต่เพิ่มขึ้น 0.15% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2568 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 11 เดือนแรกของปี 2568 ลดลง 0.12% 

ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2568 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ลดลง 0.6-0.7% และเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงลดลงมาจากราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้าครัวเรือน และน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับลดลงตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก และมาตรการลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ 

ขณะที่สินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากลดลงต่อเนื่องมา 3 เดือน จากการสูงขึ้นของราคาผักสด อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนพฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ 101.64 เพิ่มขึ้น 0.66% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2567 และเพิ่มขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2568 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 11 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.86%

เงินเฟ้อเดือน พ.ย.2568

โดยคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2568 จะอยู่ที่ -0.48% ถึง -1.08% ในส่วนของสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อไม่มาก เพิ่มขึ้นเพียง 0.01-0.05% ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ -0.15% ถึง -0.20% โดยเป็นการติดลบในรอบ 4 ปี (ตั้งแต่ปี 2563 ที่ -0.85%) ปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และมาตรการภาครัฐช่วยค่าครองชีพ  

กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2569 จะอยู่ระหว่าง 0.0-1.0% (ค่ากลางอยู่ที่ 0.5%) บนพื้นฐานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ 1.2-2.2% น้ำมันดิบดูไบ (ทั้งปี) 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน (ทั้งปี) 32.0-33.0 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 

ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ (1) ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ ประกอบกับเกษตรกรมีแนวโน้มลดปริมาณการเพาะปลูกสินค้าที่ราคาต่ำในปีก่อนหน้า ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรบางประเภทจะเข้าสู่ตลาดน้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น และ (2) ภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 34.9 ล้านคน (เพิ่มขึ้นจาก 33.4 ล้านคน ในปี 2568) และมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ 2.79 ล้านล้านบาท ทำให้สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องอาจปรับราคาสูงขึ้น 

ขณะที่ปัจจัยกดดันให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ (1) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2568 (2) ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้าครัวเรือน ค่าโดยสารสาธารณะ และการตรึงราคาก๊าซ LPG 

(3) เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำเพียง 1.7% ในปี 2569 ต่ำกว่าปี 2568 ซึ่งอยู่ที่ 2.0% และเป็นการขยายตัวต่ำกว่า 3.0% เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ทำให้อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ และขาดแรงส่งไปยังเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ และ (4) มีแนวโน้มนำเข้าเงินเฟ้อต่ำจากต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศสำคัญขยายตัวในระดับต่ำ ส่งผลให้มีการผลิตและการส่งออกสินค้าที่ราคาลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าจะทำให้ไทยนำเข้าสินค้าราคาต่ำ โดยเฉพาะเสื้อผ้k เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ข่าวล่าสุด

กกท.ขู่ฟ้องวิจารณ์ทางเสียหายเกี่ยวกับการจัดซีเกมส์