ครม.เคาะแผนการคลังระยะกลาง คุมเข้มงบผูกพัน-ลดขาดดุลไม่เกิน 3% ในปี72
แผน MTFF วางกรอบเข้ม งบกลางไม่เกิน 3% ในปี 72 งบชำระหนี้ไม่ต่ำกว่า 4% งบผูกพันไม่เกิน 5% พร้อมดันรายได้รัฐเกิน 15.1% ลดขาดดุลไม่เกิน 3% ของจีดีพี เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
KEY
POINTS
- ครม. มีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (MTFF) เพื่อยกระดับวินัยการคลังและสร้างเสถียรภาพให้งบประมาณแผ่นดิน
- กำหนดกรอบการใช้งบประมาณที่เข้มงวดขึ้น โดยจำกัดงบผูกพันข้ามปีไม่เกิน 5% และควบคุมงบกลางไม่ให้เกิน 3% ของงบประมาณรวม
- ตั้งเป้าหมายลดการขาดดุลงบประมาณให้เหลือไม่เกิน 3% ของจีดีพีภายในปี พ.ศ. 2572 จากปัจจุบันที่ 4.4%
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ แผนการคลังระยะปานกลาง (MTFF) ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของชุดนโยบาย “Quick Big Win” ที่บูรณาการร่วมกันระหว่าง 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานงบประมาณ สภาพัฒน์ฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
แผนดังกล่าวมุ่งยกระดับวินัยการคลัง ด้วยการกำหนดกรอบใช้งบประมาณใหม่ที่เข้มงวดขึ้น 3 เรื่องหลัก คือ
1.งบกลาง ต้องไม่เกิน 3% ของงบประมาณรายจ่ายรวม
2.งบชำระหนี้ ต้องไม่น้อยกว่า 4% ของงบประมาณรายจ่าย
3.งบผูกพันข้ามปี จำกัดไม่เกิน 5%
ซึ่ง แผนการคลังระยะปานกลาง ดังกล่าว ถือเป็นการวางกฎเกณฑ์ด้านการคลังที่รัดกุมกว่าที่เคย เพื่อเสถียรภาพระยะยาวของงบประมาณแผ่นดิน
นายเอกนิติ ยังกล่าวถึงข้อกังวลเรื่องนโยบายกึ่งการคลังภายใต้ มาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ว่า การดำเนินการจะมีความชัดเจนขึ้นหลัง ครม. มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายการคลังร่วมกับสำนักงานงบประมาณจัดทำกระบวนการพิจารณาที่รัดกุม โดยยังคงเพดานการใช้มาตรา 28 ไม่เกิน 32% ต่อปี
เป้าหมายสำคัญคือ การดึงระดับขาดดุลงบประมาณกลับมาไม่เกิน 3% ของจีดีพีภายในปี 2572 เพื่อให้การคลังไทยยืนอยู่บนฐานที่มั่นคงขึ้น โดยใน ปี 2567 ประเทศไทยที่ผ่านมา ไทยขาดดุลงบประมาณที่ 4.4% ของจีดีพี ขณะที่เพดานหนี้สาธารณะยังคงยืนที่ 70% ตามกรอบเดิม
ในส่วนของโครงสร้างรายได้–รายจ่าย ครม. มอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงานงบประมาณจัดทำโครงสร้างใหม่ โดยตั้งเป้าให้ รายได้ภาครัฐเพิ่มเป็นมากกว่า 15.1% ของจีดีพี จากปัจจุบันที่ 14.8% และรายจ่ายภาครัฐลดลงเหลือไม่เกิน 18% ของจีดีพี จากปัจจุบันที่ 19%
"แม้งบประมาณโดยรวมจะถูกควบคุมเข้มงวดขึ้น แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้า เร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอนาคตของประเทศ ผ่านกลไกกองทุน เช่น Thailand Future Fund กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และการผลักดันโครงการร่วมลงทุนภาครัฐ–เอกชน (PPP) โดยยืนยันว่าจะไม่เพิ่มภาระหนี้สาธารณะของประเทศ" นายเอกนิติ กล่าว


