posttoday

รัฐบาล ยันลุยต่อ คนละครึ่งพลัส เฟส 2 ช่วยกลุ่มตกหล่น หลังเฟสแรกสุดคึกคัก

29 ตุลาคม 2568

เอกนิติ ประกาศเดินหน้าคนละครึ่งพลัสเฟส 2 พร้อมให้สิทธิกลุ่มตกหล่นก่อน เผยคนละครึ่งวันแรก เวลา 11.00 น. มียอดใช้จ่ายทั่วประเทศทะลุ 350 ล้านบาท มั่นใจมาตรการรัฐดัน GDP ไตรมาส 4/68 โตเกิน 0.3%

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยืนยันการเดินหน้าโครงการ "คนละครึ่งพลัส เฟส 2"  โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบหลักเกณฑ์และเงื่อนไข โดยเบื้องต้นอาจจะให้สิทธิแก่ประชาชนที่ตกหล่น และลงทะเบียนไม่ทันในรอบก่อน เพื่อให้เข้ามามีสิทธิในโครงการ ขณะที่นายกฯรัฐมตรีก็ได้ให้การสนับสนุน

 

“ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบถึงความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งพลัสแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับทราบว่า โครงการได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก ส่วนเฟส 2 อยู่ระหว่างการออกแบบและพิจารณาหลักเกณฑ์ โดยนายกฯท่านก็สนับสนุน โครงการจะใช้งบประมาณเดิม ไม่เพิ่มหนี้ใหม่ แต่จะต้องพิจารณาจำนวนสิทธิ งบประมาณ และวินัยการคลังควบคู่กันไป” นายเอกนิติ กล่าว
 

สำหรับเงินคงเหลือจากโครงการคนละครึ่งเฟสแรก ในส่วนที่ประชาชนไม่ได้ใช้ในช่วงเวลาที่กำหนด อาจจะนำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้ในการเพิ่มทักษะให้กับผู้ประกอบการแทน 

 

ส่วน บรรยากาศวันแรกของโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนและร้านค้าตอบรับอย่างล้นหลาม หลายร้านค้าอยากให้มีเฟส 2 ต่อเนื่อง โดยณ เวลา 11.00 น. ของวันเปิดโครงการ มียอดใช้จ่ายรวมกว่า 350 ล้านบาท  และ เวลา 12.30 น. มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการฯ สำเร็จแล้วกว่า 2.49 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 501.11 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 252.40 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 248.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากชั่วโมงแรกที่มียอดขายราว 35 ล้านบาท ขณะเดียวกัน มีร้านค้าร่วมโครงการแล้วกว่า 200,000 ร้านค้า และประชาชนใช้สิทธิกว่า 1.6 ล้านคน”

 

ปัจจุบันมีร้านค้าเข้ามาลงทะเบียนแล้วประมาณ 640,000 ร้านค้า ซึ่งเป็นยอดเก่าที่มีการ Active ประมาณแสนกว่าร้านค้า โดยร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 19 ธันวาคมนี้ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการเพิ่มทักษะให้กับผู้ประกอบการ โดยมีแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเรียนรู้และเพิ่มทักษะต่างๆ เช่น การใช้ AI เพื่อช่วยให้ขายของดีขึ้น มีการเพิ่มทักษะกลุ่มที่ไม่เคยขายออนไลน์ หรือหลักสูตรสอนการขายสินค้าอย่างไรให้ปังและลดต้นทุน
 

"ในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ จะเปิดให้แพลตฟอร์มต่างๆ และเดลิเวอรี่ต่างๆ นำร้านค้าเข้าสู่การขายออนไลน์ได้ด้วย นอกจากนี้ ได้หารือกับธนาคารออมสิน เพื่อสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้าตัวเล็กตัวน้อย ให้กู้เงินผ่าน MyMo ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบ" นายเอกนิติ กล่าว

 

นายเอกนิติ กล่าวด้วยว่า ระบบดิจิทัลที่ใช้ในโครงกาาร ทำให้เห็นข้อมูลการใช้จ่ายทั้งหมดทันที และมีการตรวจสอบผู้ที่รับแลกเงินสดหรือขายสิทธิ โดยในวันที่มีการรายงานข่าว ทางกระทรวงการคลังร่วมกับตำรวจจะดำเนินการจับกุมมิจฉาชีพที่หาผลประโยชน์จากโครงการ โดยเน้นย้ำว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้จัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนและโกงเงินรัฐ

 

อย่างไรก็ตาม จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาบ มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 จะขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เดิมคาดว่าเศรษฐกิจจะติดหล่มที่ 0.3% แต่จากการดำเนินมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตได้มากกว่า 0.3% อย่างแน่นอน

 

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้แก่ มาตรการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมนี้


1. เมืองหลัก ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า วงเงิน 10,000 บาท หากเป็น e-tax invoice จะได้เพิ่มเป็น 20,000 บาท
2. เมืองรอง ลดหย่อนได้ 1.5 เท่า รวมลดหย่อนได้ 30,000 บาท

นอกจากนี้ ภาครัฐจะเร่งเบิกงบประมาณในการสัมมนาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณให้ใช้จ่ายเร็วขึ้น และโรงแรม ร้านค้า ที่พัก ที่ต้องการปรับปรุงกิจการ สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า
 

ข่าวล่าสุด

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง ซีเกมส์ 2025 รอบรองฯ ไทยดวลอินโดฯ