จับตาโรดแมป “ทีวีดิจิทัล” ต่อลมหายใจทีวีไทยก่อนหมดอายุปี 72
อุตสาหกรรมทีวีไทยลุ้นโรดแมปใหม่ก่อนใบอนุญาตหมดอายุปี 2572 ลุ้นต่ออายุ 7 ปี หรือเปิดทางผู้เล่นหน้าใหม่ รับศึกแพลตฟอร์มต่างชาติบุกไทย
KEY
POINTS
- อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลไทย จับตาโรดแมปใหม่จาก กสทช. ก่อนใบอนุญาตจะหมดอายุลงในปี 2572 เพื่อกำหนดทิศทางอนาคต
- กสทช. เสนอทางเลือกระหว่างการต่ออายุใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายเดิม หรือเปิดประมูลใหม่เพื่อเปิดทางให้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ตลาด
- หนึ่งในข้อเสนอสำคัญคือการพิจารณาปรับลดอายุใบอนุญาตจาก 15 ปี เหลือ 7-10 ปี เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
- การตัดสินใจครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างชาติที่เข้ามาแย่งชิงผู้ชมและเม็ดเงินโฆษณา
- เสนอแนวทางปฏิรูปการออกใบอนุญาต โดยอาจแยก "ผู้ให้บริการโครงข่าย" ออกจาก "ผู้ผลิตเนื้อหา" เพื่อลดต้นทุนและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถแข่งขันได้
20 ตุลาคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง แผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2569 – 2573)
จับตา “โรดแมปทีวีดิจิทัลยุคใหม่” ก่อนใบอนุญาตหมดอายุปี 2572 กสทช.จะพาทีวีดิจิทัลไปทางไหนหลังปิดรับฟังความคิดเห็น
กสทช.จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่ม (Focus Group) เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เพื่อจัดทำร่าง “แผนที่นำทาง (Roadmap)” สำหรับกิจการโทรทัศน์และการแพร่ภาพและเสียงของประเทศไทยในระยะ 5 ปีข้างหน้า โดยมี นางสาวพิรงรอง รามสูต กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีผู้ประกอบการโทรทัศน์ โทรคมนาคม นักวิชาการ หน่วยงานรัฐ และองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคเข้าร่วมกว่า 250 คน
ร่างดังกล่าว กสทช.เสนอ 2 แนวทางต่อจำนวนช่องรายการในอนาคต คือ
• แนวทางแรก: ช่องบริการสาธารณะ 7 ช่อง และช่องธุรกิจ 7 ช่อง รวม 14 ช่องรายการ
• แนวทางที่สอง: ช่องบริการสาธารณะ 7 ช่อง และช่องธุรกิจ 10 ช่อง รวม 17 ช่อง ซึ่งเป็นแนวทางที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด
พร้อมกันนี้ กสทช.ยังเสนอ 2 รูปแบบการออกใบอนุญาตใหม่
1. การประมูลตามกฎหมายเดิม โดยปรับราคาตั้งต้นให้เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรม
2. แนวทางใหม่ ที่ต้องปรับแก้กฎหมาย เพื่อแยกบทบาท “ผู้ให้บริการโครงข่าย (Network Provider)” ออกจาก “ผู้ให้บริการเนื้อหา (Service Provider)” โดยให้ผู้ถือครองโครงข่ายเป็นผู้ขอรับใบอนุญาตใช้คลื่นแทนผู้ผลิตเนื้อหา เพื่อช่วยลดต้นทุน เปิดทางผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ตลาด และสร้างโอกาสให้เกิดการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น
ในส่วนของ หลักการ Must Carry และการเรียงช่อง กสทช.เปิด 3 ทางเลือกคือ ยกเลิก คงไว้ หรือปรับปรุงให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้ชมยุคดิจิทัล ขณะที่ อายุใบอนุญาต มีทางเลือกทั้งคงไว้ที่ 15 ปี หรือปรับลดเหลือ 7–10 ปี เพื่อให้ยืดหยุ่นต่อเทคโนโลยีและการเปลี่ยนผ่านทางสื่อในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (ประเทศไทย) นำโดย นายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคม พร้อมผู้ประกอบการ 15 ช่อง ได้เข้าพบ นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. เพื่อยื่นหนังสือเร่งรัดการจัดทำโรดแมป หลังการยื่นเรื่องมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยระบุว่า
อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลของไทยลงทุนรวมกันมากกว่า 1 แสนล้านบาท นับตั้งแต่การประมูลเมื่อปี 2556 แต่ต้องเผชิญความท้าทายต่อเนื่อง ทั้งต้นทุนสูง รายได้โฆษณาที่ลดลง และการแย่งชิงผู้ชมจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix หรือ TikTok ที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้ชมไปอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการไม่ใช่แค่คำตอบว่าจะต่อใบอนุญาตหรือไม่ แต่คือทิศทางอุตสาหกรรมไทยในยุคที่สื่อกำลังถูกหลอมรวมเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล
หากเลือกแนวทางต่ออายุใบอนุญาต จะช่วยประคับประคองธุรกิจเดิมให้มีเวลาในการปรับตัว แต่หากเลือกแนวทางเปิดตลาดใหม่ จะเป็นโอกาสให้ผู้เล่นรายใหม่ที่มีศักยภาพทางเทคโนโลยีเข้ามาปรับโฉมอุตสาหกรรม เสี่ยงต่อการ “ดิสรัปต์” ผู้ประกอบการรายเดิมที่ยังไม่พร้อมต่อการแข่งขันในสภาพตลาดใหม่
“โรดแมปทีวีดิจิทัล” จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของการต่อใบอนุญาตหรือการประมูลคลื่น แต่เป็นการวางโครงสร้างอุตสาหกรรมสื่อไทยในอีกทศวรรษข้างหน้า ว่าจะสามารถปรับตัวจาก “สื่อดั้งเดิม” ไปสู่ “มัลติแพลตฟอร์ม” ได้มากน้อยเพียงใด เพื่อสู้กับแพลตฟอร์มต่างชาติ


