ซื้อหวยแบบไหน ออมเงินได้มากกว่า “หวยเกษียณ” vs “สลากเพื่อการออม”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า "การเสี่ยงโชค" คือหนึ่งในวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในสังคมไทย รัฐบาลจึงมีแนวคิดสนับสนุนให้คนไทย “ออมเงินผ่านการซื้อหวย” หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อสร้างหลักประกันทางการเงินใน "วัยเกษียณ" โดยตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม "ชอบเล่นหวย" ของคนไทยให้กลายเป็น "การออม" สร้างผลลัพธ์เป็นความ “มั่นคงทางการเงิน” ยามชราของคนไทย ผ่าน “หวยเกษียณ” (สลากกอช.) และ “สลากดิจิทัลเพื่อการออม”

ทั้งสองโครงการต่างเป็นแนวคิดที่น่าสนใจในการส่งเสริมการออมผ่านพฤติกรรมการเสี่ยงโชคของคนไทย ดังนั้นเราจะพาไปเปรียบเทียบโมเดลระหว่าง “หวยเกษียณ” (สลากกอช.) ซึ่งถือเป็นแนวทางการออมรูปแบบแรก ที่เน้นการเก็บเงินเต็มจำนวนอย่างต่อเนื่อง กับ “สลากดิจิทัลเพื่อการออม” ที่เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบ 6 หลัก (สลาก L6) ได้รับเงินคืน (Cash Back) หากไม่ถูกรางวัล ซึ่งถือเป็นเครื่องมือใหม่ที่จูงใจพฤติกรรมการซื้อหวยดิจิทัลที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถมองเห็นทางเลือก และตัดสินใจเลือกรูปแบบการออมที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด

สลากกอช. (หวยเกษียณ) ซื้อ 50 บาท ออม 50 บาท เต็มจำนวน

โมเดลนี้เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดที่ชัดเจนว่า ทุกบาทที่จ่ายต้องเป็นเงินออม 100% เพื่อความมั่นคงในระยะยาวและแก้ปัญหาคนไทยมีการออมเพื่อเกษียณในระดับต่ำ หัวใจของการเป็นเสาหลักการออม

• เงินออมเต็มจำนวน
หากคุณซื้อสลากกอช.ในราคา 50 บาท เงินทั้งหมด 50 บาท จะถูกเก็บเข้าบัญชีเงินออมส่วนบุคคล (Private Account) ของประชาชนทันที 100%

• ฐานกฎหมาย
สลากกอช. ไม่ได้เป็นมาตรการชั่วคราวตามมติ คณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่เกิดจากการแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติโดยตรง จึงทำให้มีฐานกฎหมายรองรับอย่างมั่นคงในระยะยาว รัฐบาลยังตั้งเป้าให้เป็น “เสาหลัก” ของระบบการออมระดับประเทศ

• ใช้งบประมาณรัฐ
โครงการนี้ใช้งบประมาณจากภาครัฐ เพื่อร่วมสมทบเงินออมบางส่วนในแต่ละปี โดยเฉพาะเพื่อให้เกิดผลตอบแทนแก่สมาชิก และช่วยสนับสนุนต้นทุนการบริหารจัดการของกองทุนในระยะเริ่มต้น

• เข้าถึงง่าย ด้วยระบบกระจายศูนย์
ประชาชนสามารถซื้อได้หลากหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์ (ผ่านแอปพลิเคชัน กอช., True Money, AIS, Shopee) และช่องทางออฟไลน์ ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสของ 7-Eleven และไปรษณีย์ไทย สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน โดยใช้เพียงบัตรประชาชน

• โอนเงินคืนผ่านพร้อมเพย์
เมื่อถึงกำหนดรับเงินคืน ระบบจะโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน ทำให้ทุกขั้นตอนสะดวกและปลอดภัย

• เงื่อนไขการออม
ผู้ซื้อต้องมีสัญชาติไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป สามารถซื้อได้สูงสุด 3,000 บาทต่อเดือน เงินที่ออมไว้จะสามารถถอนคืนได้เมื่ออายุครบ 60 ปี

• สถานะล่าสุด
กอช. ยืนยันว่า ยังคงเดินหน้าโครงการตามไทม์ไลน์เดิม และคาดว่าจะเริ่มเปิดขายงวดแรกได้ในเดือนธันวาคม 2568

สลากดิจิทัลเพื่อการออม (L6)

สลากดิจิทัลเพื่อการออม คือ สลากกินแบ่งรัฐบาลแบบดิจิทัล 6 หลัก (L6) ที่ขายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในปัจจุบัน โดยโมเดลนี้มีแนวคิดนำเงินบางส่วนจาก “ค่าบริหารจัดการ 17%” ของรายได้สำนักงานสลากฯ มาแบ่งคืนให้ผู้ไม่ถูกรางวัลในรูปแบบเงินสะสม (Cash Back) เพื่อจูงใจให้เกิดการออม 

• เงินออมบางส่วน (ไม่เต็มจำนวน)
ขณะนี้ยังไม่ข้อสรุปสัดส่วนการคืนเงิน (Cash Back) ให้ผู้ถูกรางวัล  แต่มีการคาดว่าผู้ซื้อ 1 ใบ ราคา 80 บาท จะได้รับเงินคืนประมาณ 5–10 บาทต่อใบ

ขณะที่ ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ระบุว่า “ซื้อหวย 80 บาท ออมได้สูงสุด 13 บาท ที่เหลือ 67 บาท ถูกหวยกินหมด”

• เงื่อนไขการออมและการคืนเงิน
เงินสะสมนี้จะไม่จ่ายคืนทันที แต่จะถูกเก็บไว้ใน "บัญชีเงินออมเพื่อการเกษียณ" ของผู้ซื้อ โดยสำนักงานสลากฯ จะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนต่อเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว

ผู้ซื้อสามารถถอนเงินได้เมื่อมีอายุครบ 55 ปีขึ้นไป (หรือหากเริ่มซื้อเมื่ออายุเกิน 60 ปี จะต้องถือต่ออีก 5 ปี จึงจะถอนเงินได้)

• ฐานกฎหมาย
โครงการนี้สามารถดำเนินการได้ภายใต้กรอบพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และไม่จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายใหม่ เพียงปรับโครงสร้างการจัดสรรรายได้ภายใน 17% ซึ่งอยู่ในอำนาจของสำนักงานสลากฯ และคณะกรรมการสลากฯ

• ไม่ใช้เงินงบประมาณรัฐ
โครงการนี้ช่วยลดภาระทางการคลังของรัฐบาล เพราะไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม และยังไม่กระทบรายได้ของสำนักงานสลากฯ ดำเนินการได้ภายใต้กรอบ พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล

• ช่องทางจำกัดผ่านแอปฯ “เป๋าตัง”
ผู้ซื้อที่ต้องการรับเงินสะสมคืน ต้องซื้อสลาก L6 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เท่านั้น ยังไม่มีช่องทางออฟไลน์หรือแอปฯ ทางเลือกอื่น

• สถานะล่าสุด
กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดโครงการ โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปเรื่องสัดส่วนเงินคืน (Cash Back) และเงื่อนไขอื่น ๆ ภายในสัปดาห์หน้า