รมว.คลัง ชี้การซื้อขายทองคำไม่ใช่สาเหตุหลักทำให้เงินบาทแข็งค่า
รมว.คลัง ชี้การซื้อขายเทองคำไม่ใช่ตัวแปรหลักทำค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ขอแบงก์ชาติคุมการเก็งกำไรค่าเงิน ดูแลดูแลความผันผวน ให้เคลื่อนไหวค่าเงินตามพื้นฐานเศรษฐกิจ
KEY
POINTS
- รมว.คลังชี้ว่าการส่งออกทองคำไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า เนื่องจากมีมูลค่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับกระแสเงินทุนทั้งหมด
- สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เงินบาทแข็งค่ามาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล, เงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตร และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย
- ปัจจุบันทิศทางค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงแล้ว โดยกระทรวงการคลังและธปท. จะร่วมกันดูแลไม่ให้เกิดการเก็งกำไรและความผันผวนที่มากเกินไป
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยถึงสถาการค่าเงินบาทโดยขณะนี้เริ่มอยู่ในทิศทางอ่อนค่าลง ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มีการหารือร่วมกับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงค์ชาติ) โดยระบุว่า สิ่งที่ต้องเน้นย้ำเสมอ คือการ วิเคราะห์ให้ถูกว่าบาทมันแข็งมาจากไหน จะได้เกาให้ถูกที่คัน
แม้ว่าในช่วงเวลานี้ค่าเงินบาทจะเริ่มอ่อนตัวลงแล้ว แต่หลักการที่ได้มีการหารือไว้กับผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ คือ ต้องไม่ให้เกิดการเก็งกำไร และค่าเงินบาทมีผันผวนจนเกินไป หากการเคลื่อนไหวของค่าเงินเป็นไปตามพื้นฐานแล้ว มันควรจะสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ
"ทางทีมงานทั้งแบงค์ชาติและ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สสค.) ได้วิเคราะห์แล้ว จากการวิเคราะห์ พบว่าเม็ดเงินที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกทองคำไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ก็มีผลต่อค่าเงินบ้าง ซึ่งมีข่าวออกมาว่ามีมูลค่าประมาณ 6-7 พันล้านบาทนั้น เมื่อเทียบเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านเท่านั้นเอง ตัวเลข 2,000 ล้านนี้ถือว่า เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับกระแสเงินทุน (flow) ที่ไหลเข้าทั้งหมด ดังนั้น การส่งออกทองคำจึง ไม่น่าจะทำให้บาทแข็ง" นายเอกนิติ กล่าว
สำหรับในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นนั้น พบว่า มาจากช่องทางหลัก ๆ 3 ช่องทาง ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลเยอะ ซึ่งสอดคล้องกับการที่คนเร่งส่งออกในช่วงครึ่งแรก ทำให้ดอลลาร์เข้ามาจำนวนมาก และมีการขายดอลลาร์มาแลกเป็นเงินบาท, ช่องทางเงินทุนไหลเข้า โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรที่เป็นบวกเยอะ มีการนำดอลลาร์มาซื้อบาทเพื่อลงทุนในพันธบัตร, และส่วนหนึ่งมาจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ทิศทางของค่าเงินบาทได้ กลับมาอ่อน แล้ว เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ย


