posttoday

เปิดแนวคิดผู้นำอินเด็กซ์ ทุ่ม Flying Tiger Copenhagen 30 สาขาทั่วไทย

25 กันยายน 2568

เศรษฐกิจปี 68 บททดสอบ หญิงแกร่งแห่งอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ “กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ” เปิดเกมรุกเฟรนไชส์ Flying Tiger Copenhagen แตกไลน์สินค้าวาไรตี้ ไลฟ์สไตล์

KEY

POINTS

  • เศรษฐกิจปี 2568 บททดสอบ หญิงแกร่งผู้นำอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ “กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ”
  • เปิดเกมรุกทุ่มโมเดลแฟรนไชส์ Flying Tiger Copenhagen จากเดนมาร์ก 200 ล้าน ปูพรม 30 สาขาทั่วไทย แตกไลน์สินค้าวาไรตี้ ไลฟ์สไตล์ ตั้งเป้ารายได้รวม 800 ล้านบาทภายในปี 2570

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปีนี้ที่เศรษฐกิจถูกมองว่าไม่สดใสนัก ได้กลายเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญของผู้บริหารหญิง “กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ทายาทของ "พิศิษฐ์ ปัทมสัตยาสนธิ" ผู้ก่อตั้งอาณาจักร อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living Mall) หรือ ILM ซึ่งเป็นเหตุให้วันนี้ “กฤษชนก” ต้องมองไปข้างหน้า ด้วยการคว้าสิทธิ์ แฟรนไชส์ Flying Tiger Copenhagen เพื่อสร้างความหลากหลายให้พอร์ตธุรกิจ

 

กฤษชนก กล่าวว่า ILM เป็นผู้นำตลาดเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านอันดับ 1 ของไทยมายาวนานกว่า 50 ปี ณ ปัจจุบันก็ยังคงเบอร์ 1 อยู่ โดยคุณพ่อเป็นผู้เริ่มต้น จากโรงงานผลิต ก่อนจะขยายสู่การส่งออก และต่อยอดสู่การสร้าง “แบรนด์อินเด็กซ์” ของตนเอง

 

ในระยะแรก อินเด็กซ์เปิดเป็นโชว์รูมขนาดเล็ก 300–500 ตารางเมตร ภายในห้างสรรพสินค้า ก่อนพัฒนาเป็น “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” (Index Living Mall) ในรูปแบบร้าน Standalone และ Specialty Store ดังที่เห็นในปัจจุบันซึ่งมีทั้งหมด 35 สาขาทั่วประเทศ พร้อมพอร์ตแบรนด์ที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่ตลาดลักชัวรี กลุ่มรายได้ปานกลาง ไปจนถึงกลุ่มแมส นอกจากนี้ บริษัทยังขยายสู่ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ภายใต้ชื่อ “The Walk” และ “Little Walk” อีกด้วย

 

 

Flying Tiger Copenhagen จากเดนมาร์ก เสริมพอร์ตธุรกิจ 

 

ทั้งนี้ การดึง Flying Tiger Copenhagen แบรนด์รีเทลไลฟ์สไตล์จากเดนมาร์ก มาเปิดสาขาแรกที่ Emsphere ก็เพื่อสร้างความหลากหลายให้พอร์ตธุรกิจ เพราะเล็งเห็นว่าแบรนด์นี้มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในหลายประเทศ โดยรวมไอเทมสินค้าทั้งหมด มากกว่า 1,700 SKU (รายการ) รวม 14 กลุ่มสินค้า เช่นแกดเจ็ต เกมส์ ของใช้ในบ้านและเครื่องครัว ไอเทมสำหรับงานอดิเรก สำหรับกิจกรรมยามว่าง เครื่องเขียน อุปกรณ์จัดงานเลี้ยงและปาร์ตี้ ของเล่นเด็ก อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์สำนักงาน ของขวัญและสินค้าตามเทศกาล ฯลฯ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้นราคา 35 บาท

เปิดแนวคิดผู้นำอินเด็กซ์ ทุ่ม Flying Tiger Copenhagen 30 สาขาทั่วไทย

ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์เติบโตสูง สวนทางเศรษฐกิจ

 

กฤษชนก กล่าวต่อว่า การตัดสินใจร่วมมือกับ Flying Tiger Copenhagen เพราะมองเห็นโอกาสในตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ เนื่องจากตลาดนี้มีมูลค่าสูงถึง 30,300 ล้านบาทในปี 2567 และเติบโตถึง 7% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงมากเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม ตอกย้ำว่ากำลังซื้อสินค้าประเภทนี้เติบโตโดดเด่นในเมืองใหญ่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา รวมถึงร้านค้าแฟรนไชส์ ไลฟ์สไตล์ที่เติบโตสูงสุดถึง 66.7% และเห็นว่าเทรนด์การซื้อสินค้าลักชัวรีทั่วโลกลดลง ส่วนคนไทยซื้อของไม่ใช่แบรนด์ลักชัวรีเยอะ หันมาซื้อของที่ฮีลใจอยากมีความสุขเล่น ๆ แต่ไม่อยากใช้เงินเยอะ โดยเฉพาะ Gen Z ไม่ใช้เงินเยอะในการช้อปปิ้ง ครั้งนึงอาจ 300-400 บาท 

 

ดังนั้นทำให้เห็นถึงความต้องการที่ชัดเจนของตลาด แม้จะมีแบรนด์จากหลายประเทศ (ไทย จีน ญี่ปุ่น) อยู่ในตลาดแล้ว ทุกค่ายขยายสาขาได้อย่างดี ยังไม่มีเจ้าไหนล้มหายตายจาก แต่ ILM ก็ยังมองเห็นช่องว่าง ที่ลูกค้าอยากได้แต่ยังไม่มีใครนำเสนอ ซึ่งวางตำแหน่งของ Flying Tiger Copenhagen ซึ่งรับการยอมรับทั่วโลก และมีการบริหารจัดการที่ดีกว่า 1000 สาขา ใน 41 ประเทศ ในราคาจับต้องได้กับดีไซน์พรีเมียมไม่ซ้ำใคร จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดค้าปลีก รวมทั้งช่องว่างสินค้าที่มีความยูนีคสไตล์เดนิช

 

เปิดแนวคิดผู้นำอินเด็กซ์ ทุ่ม Flying Tiger Copenhagen 30 สาขาทั่วไทย

ส่วนแผนการขยายสาขา และเป้าหมายในประเทศไทย

 

Flying Tiger Copenhagen ใช้โมเดลธุรกิจแบบแฟรนไชส์เช่นเดียวกับที่ทำในประเทศนอกยุโรป โดยสาขาแรกในไทยเปิดที่ EmSphere ชั้น 2 ขนาด 160 ตร.ม. บนทำเลกลางเมืองที่มีทราฟฟิกสูง ดึงดูดทั้งคนไทย นักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกับแบรนด์เป็นอย่างดี หลังเปิดตัวเมื่อ 14 กันยายนที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับเกินความคาดหมาย จนสินค้าขายหมดตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดให้บริการ

 

ทั้งนี้ แผนระยะสั้น ปีนี้เตรียมเปิดรวม 6 สาขา โดยสาขาที่ 2 จะอยู่ที่อินเด็กซ์ พัทยา ในรูปแบบ Shop in Shop ขนาด 180 ตร.ม. เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีสัดส่วนมากกว่า 50% ก่อนทยอยเปิดอีก 4 สาขา ได้แก่ แพลทินัม,แฟชั่นไอแลนด์, เดอะมอลล์ไลฟ์สไตร์ บางกะปิ และซีคอน สแควร์ ส่วน แผนระยะยาวตั้งเป้าขยายให้ครบ 30 สาขาทั่วประเทศ ภายในปี 2570 ด้วยงบลงทุนรวม 200 ล้านบาท โดยเน้นทำเลในห้างสรรพสินค้าที่มีทราฟฟิกหนาแน่น พร้อมตั้งเป้ารายได้รวม 800 ล้านบาทภายในปี 2570

 

กังวลเศรษฐกิจไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก 

 

อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจในยุคนี้ไม่ง่าย เมื่อถามถึงความท้าทาย หรือกดดันต่อการบริหารองค์กร กฤษชนก กล่าวว่า ในปัจจุบันสิ่งที่มีกังวลมากที่สุดคือเรื่องเศรษฐกิจ สำหรับการคาดการณ์ของ ILM แนวโน้มครึ่งปีหลัง โดยปกติแล้ว ไตรมาส 4 (Q4) ถือเป็นช่วงที่มียอดขายดีมากโดยเฉพาะเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงพีคสำหรับการจำหน่ายสินค้าของขวัญและของปีใหม่ ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอาจไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ซึ่งหากยอดขายไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น บริษัทจึงมุ่งเน้นที่ การลดค่าใช้จ่าย และกำลังพิจารณาการนำ AI เข้ามาช่วยในการทำงาน เพื่อให้เกิดระบบอัตโนมัติ (Automation)

เปิดแนวคิดผู้นำอินเด็กซ์ ทุ่ม Flying Tiger Copenhagen 30 สาขาทั่วไทย

อย่างนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อจากรัฐบาล เช่น "ช้อปดีมีคืน" หรือมาตรการที่คล้ายกัน จะสามารถ กระตุ้นกำลังซื้อได้ดีมากในระยะสั้น และมีความมั่นใจว่าหากมีมาตรการนี้ออกมาในช่วงปลายปี จะมีผลบวกต่อบริษัทอย่างแน่นอน ซึ่งหากมีการประกาศใช้ บริษัทก็พร้อมจะออกโปรโมชั่นเสริมเพื่อดึงดูดลูกค้า ทั้งนี้นโยบายเงินดิจิทัลถูกมองว่าห่างไกลและไม่กระทบต่อธุรกิจในกลุ่มนี้

 

ILM ยอดขายโต 9 พันล้าน  

 

กฤษชนก กล่าวว่า หากดูภาพรวมผลการดำเนินงาน (Performance) ของ ILM ในปีที่แล้วยอดขายอยู่ที่ 9,890.2 ล้านบาท ยอดขายเพิ่มขึ้น 5% จากปี 2023 ยอดขายปรับเพิ่มขึ้นในทุกช่องทาง รวมถึงรายได้จากค่าเช่า Net profit (กำไรสุทธิ) อยู่ที่ 745.3 ล้านบาท Net profit เพิ่มขึ้น 2.7% จากปี 2023ถือเป็นกำไรสูงสุดตั้งแต่เคยก่อตั้งบริษัทมา และทำกำไรสูงสุดติดกัน 3 Quarters 

 

ส่วนผลการดำเนินงานของ ILM ในครึ่งปีแรกของปีนี้ รายได้อยู่ที่ 4,839.2 ล้านบาท เติบโต 0.3% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว GP (Gross Profit) ปรับเพิ่มขึ้น 1.9% เนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีและลดการทำโปรโมชั่นลง กำไรครึ่งปีแรกอยู่ที่ 391.1 ล้านบาท เติบโต 3% เทียบกับปีที่แล้ว

 

มองหาโอกาสขยายธุรกิจเสมอ 

 

กฤษชนก กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้เศรษฐกิจปีนี้จะไม่สดใสนัก แต่ ILM ยังคงรักษาการเติบโตของกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเดินหน้ากลยุทธ์ Diversification Strategy ที่มองหาโอกาสในการขยายธุรกิจอยู่เสมอ ตัวอย่างในอดีต เช่น การสร้าง Community Mall อย่าง The Walk และ Little Walk ซึ่งสะท้อนแนวทางการกระจายธุรกิจที่ชัดเจน โดย ILM ใช้หลักเกณฑ์สำคัญ 3 ข้อในการพิจารณา คือ

  • Synergy ธุรกิจใหม่ต้องเกื้อหนุนกับธุรกิจหลัก และเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน
  • Scalable (ขยายได้) ธุรกิจต้องสามารถต่อยอดได้อย่างกว้างขวาง ตั้งเป้าขยายได้หลักสิบถึงร้อยสาขา เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว
  • Expertise (ความเชี่ยวชาญ) ต้องเป็นธุรกิจที่ ILM มีความรู้และความชำนาญเพียงพอที่จะนำไปต่อยอดและเพิ่มมูลค่าได้จริง

 

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท