เอกนิติเผยจะจับมือ ธปท. รับมือกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
“เอกนิติ” ยันจะทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยรับมือค่าเงินบาทหลังจากแข็งที่สุดในรอบสี่ปี และจะติดตามการไหลเข้าของเงินทุนและการซื้อขายทองคำเพื่อหาความผิดปกติ
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส กล่าวกับผู้สื่อข่าวเปิดเผยภายหลังการประชุมหารือระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคณะ กับ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า ได้หารือเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทกับนายวิทัย รัตนากร ซึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในวันที่ 1 ตุลาคม
เอกนิติยังกล่าวด้วยว่า การไหลเข้าของเงินทุนที่ผิดปกติหรือการซื้อขายทองคำใดๆ ก็ตามจะถูกสอบสวน แม้ว่า นายวรภัค ธันยาวงษ์ ยอมรับว่าค่าเงินบาทอาจเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากการซื้อพันธบัตรและหุ้นจากต่างประเทศ
ในวันพฤหัส ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเป็น 31.88 ต่อดอลลาร์ จากระดับปิดที่ 31.73 เมื่อวันพุธ แต่ยังคงเพิ่มขึ้นประมาณ 8% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากเป็นอันดับสองในบรรดาสกุลเงินเอเชีย รองจากดอลลาร์ไต้หวันเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสองปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่ากำลังพิจารณาเก็บภาษีการซื้อขายทองคำพร้อมกับมาตรการอื่นๆ เพื่อยับยั้งการแข็งค่าของเงินบาท
ในขณะที่ ช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม การจัดส่งทองคำของไทยเพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบเป็นรายปี มูลค่า 7.6 พันล้านดอลลาร์ โดยมีปริมาณการส่งออกจำนวนมากผิดปกติมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ไปยังกัมพูชาเพียงประเทศเดียว


