posttoday

ฟ้าหลังฝน “ณพ ณรงค์เดช” มหากาพย์ “ศึกสายเลือด” พาธุรกิจฝ่าวิกฤตด้วย “สติ”

11 กันยายน 2568

ทายาทธุรกิจไทยมักถูกผูกโยงกับคำว่า “กงสี” แต่ “ณพ ณรงค์เดช” ยืนยันว่าเรื่องราวของเขาแตกต่าง ความขัดแย้งระหว่างพี่น้องที่ยาวนานกว่า 7 ปี อะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาฝ่าวิกฤต นำพาธุรกิจก้าวผ่านไปได้

ปัญหา “ทายาทธุรกิจ” เป็นปัญหาคลาสสิคที่เกือบทุกครอบครัวต้อง “เผชิญ” เมื่อมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ณ เวลานี้ คงปฎิเสธไม่ได้ว่า เรื่องราวของ ทายาทโรงแรม "ดุสิตธานี" กำลังอยู่ในสปอตไลท์ของผู้คน ที่สังคมยังคงค้นหาคำตอบ

แต่หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน เรื่องราวของ 3 พี่น้อง ตระกูล “ณรงค์เดช” ที่กลายเป็นมหากาพย์นำไปสู่การฟ้องร้องกันกว่า 10 คดี กลายเป็นภาพย้อนกลับมาว่า เรื่องราว “ศึกสายเลือด” ครั้งนี้ มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

“ณพ ณรงค์เดช” เปิดบ้านต้อนรับ “โพสต์ทูเดย์” สุดเอ็กคลูซีฟ พร้อมเปิดเรื่องราวที่ผ่านมาแบบเจาะลึก ที่สำคัญอะไรคือแนวคิดที่เขายึดมั่นจนสามารถนำพาธุรกิจของเขาฝ่าวิกฤต "Perfect Storm" อันแสนยาวนานนี้มาได้ 

ธุรกิจ “เพ้อฝัน” จุดเริ่มต้น “ความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง”

“ณพ” เล่าว่า จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง มาจาก บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ที่เขาริเริ่มทำธุรกิจมาด้วยตนเอง เพราะมองเห็นโอกาสและอนาคตของพลังงานทดแทน ซึ่งเขาได้ปรึกษาครอบครัวเพื่อร่วมลงทุนแล้ว กลับได้รับคำตอบว่าเป็นการลงทุนที่ "เพ้อฝัน"

ทำให้เขาต้องดำเนินการหาแหล่งเงินทุนด้วยตนเอง จนวันหนึ่งประสบความสำเร็จ จึงเริ่มมีการขอแบ่งหุ้นถึง 60% โดยไม่มีค่าตอบแทน หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือต้องการหุ้นไปแบบฟรีๆ ทั้งที่ธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ไม่ได้รับเป็นมรดก และมีภาระเรื่องของต้นทุนทางการเงิน รวมถึงดอกเบี้ยที่ต้องรับผิดชอบ

ฟ้าหลังฝน “ณพ ณรงค์เดช” มหากาพย์ “ศึกสายเลือด” พาธุรกิจฝ่าวิกฤตด้วย “สติ”

ณพ ณรงค์เดช

เมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ตามเงื่อนไขดังกล่าว จึงนำไปสู่การฟ้องร้องคดีความมากมาย ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา หนึ่งในคดีที่โด่งดังที่สุดและเป็นที่ทราบกันดีในสาธารณะคือ คดีปลอมลายเซ็น

นอกจากนี้ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดในความรู้สึกของเขา คือ แถลงการณ์ของครอบครัว เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว หรือในปี 2561 ซึ่งมีการเผยแพร่ข่าวทางสื่อต่างๆ โดยเฉพาะพาดหัวข่าวในสื่อฉบับหนึ่งว่า "พ่อ พี่น้อง ตัด ขับพ้นกงสี ณพ ณรงค์เดช ทำธุรกิจด้วยเงินครอบครัว แล้วกุมอำนาจเพียงคนเดียว" ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ เขา รู้สึก “เสียใจและช็อก” เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นในครอบครัว

ตระกูล “ณรงค์เดช” ไม่ใช่ กงสี

มาถึงตรงนี้ คำถามที่ทุกคนมองคือ ตระกูล “ณรงค์เดช” เป็นธุรกิจ “กงสี” แบบเดียวกับ ทายาท “โรงแรมดุสิต” หรือไม่ คำตอบคือ “ไม่” เขาอธิบายว่า ตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่ทำธุรกิจมาก็มีหลายธุรกิจ และภายหลังได้มีการกระจายการลงทุนกันไป คุณแม่จะให้อิสระแก่ลูกๆ ในการทำธุรกิจ ใครอยากทำอะไร ก็ไปทำธุรกิจที่ตนเองมีความถนัด

มีเพียงธุรกิจเดียวที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันในกลุ่มพี่น้อง 3 คน ณ เวลานั้นคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท KPN Land ซึ่งพวกเขาถือหุ้นประมาณ 1 ใน 3 ด้วยกัน 3 คนพี่น้อง

วินด์ เอนเนอร์ยี่ ธุรกิจโรงเรียนสอนดนตรี และ ธุรกิจโรงพยาบาล เขาเป็นคนทำเอง ดังนั้น คำว่า “กงสี” ในความหมายของ “ณพ” คือ การที่ทุกคน "ร่วมหัวจมท้าย" ทำอะไรด้วยกัน และสืบทอดมาจากรุ่นพ่อแม่

ฟ้าหลังฝน “ณพ ณรงค์เดช” มหากาพย์ “ศึกสายเลือด” พาธุรกิจฝ่าวิกฤตด้วย “สติ”

พาบริษัท ฝ่าวิกฤต “สงครามทายาท” ด้วยสติ

“ณพ” เรียกวิกฤตครั้งนี้ว่าเป็น "Perfect Storm" เพราะเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว มีองค์ประกอบของปัญหาครบถ้วน ทั้งข่าวปลอม คดีความ และปัญหาทางธุรกิจ เมื่อเกิดวิกฤต เขารู้สึกตกใจ เสียใจ และห่วงใยครอบครัว ลูกน้อง และพนักงานอีกหลายพันคน เขาจึงต้องใช้สติและจัดลำดับความสำคัญของชีวิต ว่าอะไรสำคัญมากน้อย ควรทำก่อนหลัง

การจัดการปัญหาจึงต้องใช้ความอดทน ค่อยๆ แก้ปัญหาทีละปม และหวังว่าเมื่อปัญหาคลี่คลาย ทุกอย่างจะฟื้นตัวกลับมา การอดทนต่อข่าวโจมตีตลอด 7-8 ปี ทำให้เขาเหมือนได้รับ "วัคซีน" สร้างภูมิคุ้มกันและได้เรียนรู้ที่จะจัดการปัญหา โชคดีที่เขามีพนักงาน ผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน ตลอดจนครอบครัวที่เข้าใจและยืนเคียงข้างมาโดยตลอด

เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของ ทีมงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำงานร่วมกันเหมือนครอบครัว เขาเชื่อมั่นในทีมงานว่าสามารถทำให้ความฝันสำเร็จได้จริง สถาบันการเงิน ยืนเคียงข้างเขาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน เพราะมีความเชื่อมั่นในธุรกิจและในตัวเขาพนักงาน ของเขาก็มีความมั่นใจและยืนหยัดเคียงข้างเช่นกัน แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ฟ้าหลังฝน “ณพ ณรงค์เดช” มหากาพย์ “ศึกสายเลือด” พาธุรกิจฝ่าวิกฤตด้วย “สติ” ณพ ณรงค์เดช

“ณพ” เล่าว่า การได้รับการอบรมสั่งสอนจากคุณแม่มาตั้งแต่เด็ก โดยซึมซับคำสอนหลายอย่างผ่านการพาไปพบผู้ใหญ่ และนำมาปรับใช้ในองค์กร ทำให้เขาสามารถรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ได้ คือ 3 น้ำ ตามหลักคำสอนของคุณแม่ คือ "น้ำใจ" (ดูแลจิตใจซึ่งกันและกัน), "น้ำคำ" (คำพูดต้องดี), และ "น้ำเงิน" (ดูแลชีวิตความเป็นอยู่) ซึ่งช่วยสร้างความผูกพันกับทีมงานให้เหมือนครอบครัว

ขณะที่โครงสร้างและการบริหารจัดการธุรกิจของเขาแม้จะเป็นบริษัทจำกัด แต่เขากลับใช้กลไกการบริหารงานแบบบริษัทมหาชนด้วยการใช้ประธานกรรมการที่เป็นคนนอก และมีกรรมการอิสระ ที่สำคัญเขาเชื่อว่าคนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งต่อทุกธุรกิจ เพราะหากไม่มีบุคลากร องค์กรก็เป็นเพียง "อิฐ ปูน หิน ไม้" เท่านั้น

ฟ้าหลังฝน “ณพ ณรงค์เดช” มหากาพย์ “ศึกสายเลือด” พาธุรกิจฝ่าวิกฤตด้วย “สติ” ณพ ณรงค์เดช

เขากล่าวว่า "ฟ้าหลังฝนดีกว่าเดิมเสมอ" แต่ก็ยอมรับว่าความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สิน จิตใจ และผู้คนยังคงต้องใช้เวลาในการปรับปรุงและแก้ไข สำหรับคำแนะนำที่ต้องการส่งต่อไปยังทายาทธุรกิจ และ นักธุรกิจรุ่นใหม่ นั้น “ณพ” เผยพร้อมกับ หัวเราะว่า “อย่าเป็นแบบผมเลย” แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ใช้ “สติ” พูดคุยกันให้ตกผลึก และหลีกเลี่ยงการขึ้นศาล หากทุกคนมีความรับผิดชอบและรู้หน้าที่ ปัญหาจะคลี่คลายไปในทางที่ดีได้

ข่าวล่าสุด

ประกาศ! ปิดกั้นอ่าวไทย 'สกัดน้ำมัน-ยุทธปัจจัย' เข้ากัมพูชา