posttoday

กกร.ชี้ ส่งออกทองไปกัมพูชาพุ่งผิดปกติ ดันบาทแข็งค่าเกินจริง

10 กันยายน 2568

‘กกร.’ เฝ้าระวังเงินบาทแข็งค่าเกินจริง หลังพบการส่งออกทองไปกัมพูชาเพิ่มผิดปกติ กระทบส่งออก-ท่องเที่ยว ต้องเร่งถกคลังแบงก์ชาติหามาตรการรับมือ

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ว่า ปัจจุบันเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในระดับประมาณ 31.60-31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีการคาดการณ์ว่าอาจลดลงแตะระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้ส่งสัญญาณเตือนว่าเงินบาทแข็งเกินความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน

 

"ค่าเงินบาทที่แข็งค่าในระดับนี้ไม่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจจริงของประเทศไทย เพราะขณะนี้กำลังซื้อภายในประเทศยังค่อนข้างอ่อนแอ ตามปกติแล้วเงินบาทควรมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเพื่อช่วยกระตุ้นการส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวม" 

แม้ว่าปัจจัยหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าคือ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับสกุลเงินในภูมิภาค แต่สิ่งที่น่าสนใจคือในอดีตเมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเงินบาทไทยจะอ่อนค่ามากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน แต่ในทางกลับกัน เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนลงและสกุลเงินในภูมิภาคแข็งค่า บาทไทยกลับเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุด โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าขึ้นถึงกว่า 7% ซึ่งถือเป็นอันดับสองในภูมิภาครองจากไต้หวันเท่านั้น

 

ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทยอย่างหนัก เนื่องจากขณะนี้ผู้ส่งออกต้องเผชิญกับแรงกดดันสองด้าน ได้แก่ ภาษีนำเข้าสินค้า 19% จากสหรัฐฯ และค่าเงินบาทที่แข็งตัวเพิ่มต้นทุนในการทำธุรกิจ ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง ต่างจากประเทศอื่นที่ได้ใช้มาตรการควบคุมค่าเงินโดยการอ่อนค่าของสกุลเงินเพื่อบรรเทาผลกระทบ

นายเกรียงไกรชี้แจงว่า ตลาดส่งออกไทยมีสัดส่วนถึง 60% ของจีดีพี ดังนั้นเงินบาทที่แข็งค่าจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทยอย่างมาก

 

นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูจากผลกระทบโควิด-19 ก็ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าเช่นกัน เพราะจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องคิดหนักก่อนเดินทางเข้ามาในไทย ทั้งที่ประเทศไทยมีศักยภาพด้านสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร และบริการที่ดีเยี่ยม แต่ค่าเงินบาทที่แข็งเกินไปทำให้ต้นทุนการเดินทางเพิ่มขึ้น และอาจทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางเข้ามาได้

 

อีกประเด็นที่ กกร. เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด คือการส่งออกทองคำจากไทยไปยังประเทศกัมพูชา ที่พบว่าเพิ่มสูงผิดปกติในช่วงนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลในเชิงเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่ง กกร. จะมีการหารือกับกระทรวงการการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยต่อไป

 

นายเกรียงไกรกล่าวทิ้งท้ายว่า สถานการณ์เงินบาทแข็งค่าถือเป็นความท้าทายสำคัญของประเทศ เราจำเป็นต้องเร่งหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันผลกระทบต่อผู้ส่งออกและภาคท่องเที่ยว รวมถึงรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในภาพรวมให้ได้

ข่าวล่าสุด

“โฆษกศาลยุติธรรม” ชี้ศาลฎีกาพร้อมรับคำร้องคดีเลือกตั้ง สส.ทั่วประเทศออกแบบระบบออนไลน์รับคดี