ดร.ศุภวุฒิ ชี้ไทยพึ่งนำเข้าวัตถุดิบสูง ภาระเศรษฐกิจ 1.2 หมื่นล้าน
ดร.ศุภวุฒิ เผยจุดอ่อนอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร พึ่งนำเข้าวัตถุดิบสูง สร้างภาระบบเศรษฐกิจ 1.2 หมื่นล้าน ชี้หากเปิดเสรีนำเข้าสินค้าเกษตร ติดผลประโยชน์ทับซ้อนหลายฝ่าย
KEY
POINTS
- ดร.ศุภวุฒิชี้ว่าอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของไทยแม้จะแข็งแกร่ง แต่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ในปริมาณสูง
- การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ ต้องนำเข้าและสร้างภาระทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาทต่อปี
- ไทยมีโอกาสในการเป็นผู้จัดหาความมั่นคงทางอาหารให้กับภูมิภาค โดยเฉพาะจีนที่มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีมากกว่าด้านอาหาร
- ข้อเสนอให้เปิดเสรีนำเข้าสินค้าเกษตร วัตถุดิบ ยังเผชิญกับปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ดำเนินการได้ยาก
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวปาฐกถาเรื่อง พลวัตเศรษฐกิจโลกกับโจทย์ใหญ่ของประเทศกำลังพัฒนา ในงานอนาคตเศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจสีเขียว จัดโดย สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) ถึงประเด็นด้านการเปิดเสรีด้านเกษตรและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ ถือเป็นโจทย์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยมองว่าประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านจาก “ประเทศอุตสาหกรรมส่งออก” กว่า 80% มาสู่ “ประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยอาหารและบริการด้านสุขภาพ”
ดร.ศุภวุฒิ เปรียบเทียบกับประเทศจีนว่า แม้จะลงทุนมหาศาล แต่ยังคงขาดดุลการค้าอาหารต่อเนื่องและมากขึ้นในช่วง 20 ปีผ่านมา สะท้อนถึงความท้าทายด้าน Food Security ขณะที่ Made in China 2025 ไม่ได้บรรจุเรื่องอาหารไว้เป็นยุทธศาสตร์หลัก จะเน้นด้านเทคโนโลยี ซึ่งเปิดโอกาสให้ไทยสามารถยกระดับบทบาทในฐานะผู้จัดหาความมั่นคงทางอาหาร (Food Security Provider) ให้ภูมิภาคและจีนได้
อุตสาหกรรมแปรรูปอารแข็งแกร่งแต่พึ่งพานำเข้าสูง
ดร.ศุภวุฒิ ระบุว่า ปัญหาใหญ่ของไทยคือแม้จะมีอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารเข้มแข็ง แต่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจำนวนมากเพื่อเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ความต้องการใช้ปีละ 8.5–9 ล้านตัน แต่ผลิตได้ไม่ถึง 5 ล้านตัน ทำให้ต้องนำเข้า 4–5 ล้านตัน และต้นทุนการผลิตสูงกว่าประเทศอื่นอย่างสหรัฐฯ มาก ส่งผลให้ราคาอาหารสัตว์แพง และสร้างภาระทางเศรษฐกิจรวมกว่า 12,000 ล้านบาทต่อปีซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเกินไป
การเปิดเสรีนำเข้าที่อเมริกามากดดันต้องพยายามยอมรับสภาพ เปิดไปเลย อย่างกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ ก็เคยสะท้อนว่า หากเปิดเสรีให้นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้มากขึ้น จะสามารถขยายกำลังการผลิตได้อีก 20–30% ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการไม่ง่ายเพราะติดผลประโยชน์ทับซ้อนหลายฝ่าย


