กกร.ปรับเพิ่มGDPปี 68 เป็น 1.8–2.2% รับศก.โลกฟื้น-ภาษีสหรัฐผ่อนคลาย
กกร.ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 โต 1.8–2.2% จาก 1.5-2.0% รับปัจจัยหนุน ภาษีนำเข้าสหรัฐลดลง และทิศทางเศรษฐกิจโลกดีขึ้น
KEY
POINTS
- กกร. ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ของไทยในปี 2568 เป็นเติบโต 1.8–2.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 1.5–2.0%
- ปัจจัยบวกมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการเจรจาการค้าที่ส่งผลให้สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าไทยลงเหลือ 19% จากที่เคยคาดว่าจะเก็บถึง 36%
- การผ่อนคลายด้านภาษีช่วยหนุนให้การส่งออกของไทยในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโต 2-3% และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
- อย่างไรก็ตาม กกร. เตือนว่าเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปีอาจเผชิญแรงกดดันจากการส่งออกที่แผ่วลง การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และกำลังซื้อที่ลดลง
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2568 เพิ่มขึ้นเป็น 1.8–2.2% จากเดิม 1.5–2.0% โดยมีแรงสนับสนุนจากการส่งออกที่คาดว่าจะเติบโต 2–3% จากปัจจัยบวกด้านการเจรจาการค้า และภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ไทยถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรลดลงเหลือ 19% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 36% ลดความเสี่ยงในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน และช่วยหนุนการค้าในช่วงครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีทิศทางดีขึ้น หลังจากสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงด้านภาษีกับหลายประเทศ ส่งผลให้อัตราภาษีศุลกากรส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับลดลงจากที่ประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียและอาเซียน
สอดคล้องกับ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2568 เป็น 3.0% จากเดิม 2.8% แม้จะยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.5% โดยยังคงสะท้อนถึงภาวะชะลอตัวจากกำแพงภาษีสูง และความไม่ชัดเจนในรายละเอียดนโยบาย เช่น ภาษีสินค้าผ่านทาง (transshipment) และการกำหนดสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ (local content) ที่อาจส่งผลต่อรูปแบบการค้าโลกในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม กกร.เตือนว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีอาจเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่แผ่วลงหลังแรงหนุนชั่วคราวหมดลง การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เศรษฐกิจนอกระบบที่ยังไม่ฟื้นตัว และกำลังซื้อของผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ลดลงจากเงินเฟ้อ
ขณะที่ รายได้จากภาคการท่องเที่ยวก็มีแนวโน้มชะลอตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่ม short-haul รวมถึงผลกระทบจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และต้นปี 2569 มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะภาคส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากการจัดเก็บภาษีของสหรัฐฯ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในแต่ละกลุ่มสินค้า
"ท่ามกลางสถานการณ์นี้ กกร.เสนอให้ไทยเร่งปรับตัวทั้งระยะสั้นและยาว เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน โดยเฉพาะ SMEs โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างอุตสาหกรรม การเพิ่ม local content การลดต้นทุนผ่านเทคโนโลยี การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน และการยกระดับทักษะแรงงานให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ประเทศ"
ขณะเดียวกัน กกร.ชี้ว่าประเทศไทยยังขาดข้อมูลด้านโครงสร้างการผลิตรายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะข้อมูลการใช้วัตถุดิบต้นน้ำและกลาง รวมถึงข้อมูล Regional Value Content ซึ่งจำเป็นต่อการวางแผนส่งออกในบริบทการค้าโลกใหม่ โดยภาครัฐควรเร่งสนับสนุนให้เกิดฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อใช้ในการตัดสินใจและเจรจาการค้าระหว่างประเทศต่อไป


