posttoday

คลัง เตรียมอัดซอฟต์โลนดอกเบี้ย 0.01% อุ้มส่งออกฝ่าวิกฤตภาษีสหรัฐ

14 กรกฎาคม 2568

พิชัยเผย ไทยยื่นข้อเสนอแลกภาษีสหรัฐฯ เปิดตลาดใหม่เพิ่มเป็น 69%–ขยายรายการนำเข้า 0% พร้อมซอฟต์โลน 2 แสนล้าน ดอกเบี้ย 0.01% พยุงผู้ส่งออกรับมือวิกฤต

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “กรอบเจรจาและรับมือผลกระทบภาษีทรัมป์” ในงานเสวนาโต๊ะกลม “กรุงเทพธุรกิจ Roundtable : The Art of The Deal” ว่า รัฐบาลเตรียมออกมาตรบรรเทาผลกระทบผู้ส่งออกไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจสูงถึง 40% ในบางกลุ่มสินค้า ด้วยการเตรียม “สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ (Soft Loan)” คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.01% ต่อปี วงเงินราว 2 แสนล้าบาท ผ่านการสนับสนุนของธนาคารออมสิน โดยให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ไปปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการ

มาตรการดังกล่าวครอบคลุมภาคส่งออกไปสหรัฐ ธุรกิจใน Supply Chain และเอสเอ็มอี ที่ต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาถูก ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีสัดส่วนมากถึง 1 ใน 3 ของดุลการค้ารวมระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท ในปี 2567

นายพิชัยระบุว่า ปัจจุบันสหรัฐฯ กำลังเดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้าภายใต้นโยบาย "America First" ซึ่งมุ่งลดการขาดดุลการค้ากับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีสัญญาณของ “Transshipment” หรือการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ภาษีนำเข้าสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

หากสินค้าไทยมี Local Content ต่ำ หรือใช้วัตถุดิบจากต่างประเทศมากเกินไป อาจเจอภาษีนำเข้า 20% และสูงสุดถึง 40% หากมีลักษณะของการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิด ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่หลายประเทศในภูมิภาคกำลังเผชิญอยู่เช่นกัน
 

ปัจจุบัน ไทยพึ่งพาการส่งออกในสัดส่วนประมาณ 58% ของ GDP จากเดิมที่เคยสูงถึง 70% และส่งออกไปสหรัฐฯ ราว 18% ของมูลค่ารวม โดยในหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ยังมีสัดส่วน Local Content ต่ำเพียง 30–40% เท่านั้น

วันนี้เราไม่สามารถอยู่นิ่งได้ ต้องปรับตัว โดยเฉพาะการเพิ่ม Local Content ในห่วงโซ่การผลิตให้สูงขึ้นถึง 60-70% ให้ได้ในอนาคต ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันภาษีได้อย่างยั่งยืง

นายพิชัยเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ภายใต้กรอบ Preferential Trade Agreement (PTA) ไทยได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมที่ระบุว่า ไทยเปิดตลาดให้สหรัฐฯ แล้วในสัดส่วน 63–64% และเตรียมขยายเป็น 69% โดยการเปิดตลาดรอบใหม่นี้ครอบคลุมรายการสินค้าที่ในอัตรา 0% ที่ไทยไม่เคยเปิดมาก่อน เช่น ลำไย ปลานิล และ รถยนต์พวงมาลัยซ้าย โดยเฉพาะรถยนต์พวงมาลัยซ้าย ซึ่งเดิมไม่เคยเปิดตลาดเพราะไทยผลิตเองเป็นจำนวนมาก แต่หากจะเปิดให้สหรัฐฯ นำเข้าได้ ก็ไม่น่าจะกระทบผู้ผลิตภายในประเทศ เพราะรถกลุ่มนี้ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดไทย และสหรัฐฯ เองก็มีตลาดหลักอื่นอยู่แล้ว 
 

สินค้ารถยนต์พวงมาลัยซ้ายไทยไม่ได้ผลิตเองอยู่แล้ว ไทยจะพิจารณาปรับอัตราภาษีนำเข้า 0% เพื่อไม่ให้กระทบอุตสาหกรรมในประเทศ และอาจส่งผลบวก เช่น การขยายการส่งออกสินค้าไทยที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่ผลไม้ เช่น ลำใย ปลานิล เป็นรายการสินค้าเกษตรไทยมีข้อได้เปรียบด้านปริมาณและราคา แม้เราจะเปิดให้สหรัฐสามารถนำเข้าได้ ก็ไม่กระทบต่อการผลิตในประเทศ 

นายพิชัยย้ำว่า กรอบการเจรจาของไทยยังคงยึดหลัก "win-win" โดยมุ่งรักษาผลประโยชน์ร่วมกันและความสมดุลระหว่างทั้งสองฝ่าย  โดยเปิดตลาดเฉพาะในสินค้าที่ไทยไม่สามารถแข่งขันได้ แลกกับการส่งเสริมการลงทุนจากไทยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีราคาถูกในตลาดสหรัฐฯ 2–3 ดอลลาร์ต่อล้าน BTU เทียบกับราคาตลาดโลกที่ 11 ดอลลาร์สหรัฐ และกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป

 

นายพิชัยสรุปว่า รัฐบาลใช้โอกาสจากวิกฤตภาษีนี้ในการ “เร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ” ด้วยการลดการพึ่งพาการส่งออก และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก ผ่านการยกระดับแรงงาน พัฒนานวัตกรรม และวางแผนโครงสร้างอุตสาหกรรมใหม่อย่างรอบด้าน
 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68