พิชัย ยอมรับเงินบาทแข็งค่า ยันไม่มีนโยบายเข้าแทรกแซง
พิชัย ชี้เงินบาทแข็งขึ้นตามภาวะโลก ยังไม่มีใครรู้แข็งค่านานแค่ไหน ยังไม่มีนโยบายแทรกแซง ยันไม่ใช่งบ 1.57 แสนล้านอุ้มรถไฟฟ้า 20 บ.ตลอดสาย แย้มมีข้อเสนอเพื่อเป็นทางออกให้
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าประเทศ เนื่องจากไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะสถานการณ์การค้าโลกและความเชื่อมั่นต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยย้ำว่าประเทศไทยยังยึดหลักไม่แทรกแซงค่าเงินโดยตรง
ยังไม่มีใครตอบได้ชัดว่าเงินบาทจะแข็งไปอีกนานแค่ไหน หรือจะกลับมาอ่อนค่าเมื่อไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับทิศทางเศรษฐกิจโลกและเงินทุนเคลื่อนย้ายประเทศไทยยังคงไม่มีนโยบายเข้าไปแทรกแซงค่าเงินโดยตรง และเชื่อว่านโยบายการเงินจะมีบทบาทมากกว่าในการดูแลภาพรวม ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ค่าเงินบาทไม่เสียเปรียบประเทศอื่น
สำหรับสถานการณ์ส่งออกที่มีสัญญาณชะลอลง รมว.คลังระบุว่า เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และเกิดขึ้นกับหลายประเทศ ไม่ใช่เฉพาะไทย พร้อมเน้นย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งออกที่มีมูลค่าเพิ่มมากกว่าปริมาณ เพราะหากราคาส่งออกต่ำผู้ผลิตต้นทางในประเทศจะได้รับผลกระทบ
ส่งออกผมให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มในการส่งออก มากกว่าการเน้นปริมาณหรือราคาถูก เพราะมันย้อนกลับไปยังผู้ผลิตต้นทางที่จะได้รายได้กลับมาน้อย ซึ่งตรงนี้จะทำให้ปัญหาเกิดภายในประเทศซึ่งก็คือต้นทาง
ขณะเดียวกัน รมว.คลังยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลอาจใช้งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท เพื่อรองรับโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนในเรื่องดังกล่าว และส่วนตัวยังไม่เคยได้ยินแนวทางนี้จากที่ใด
เรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะงบประมาณควรใช้กับโครงการขนาดใหญ่ที่สร้างผลตอบแทน เช่น ระบบน้ำเพื่อเกษตรอุตสาหกรรม มากกว่าจะไปใช้ในโครงการระยะสั้นหรือไม่ต่อเนื่อง ระบุว่าการใช้จ่ายงบประมาณจะต้องมีความจำเป็นและก่อให้เกิดผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
การงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาทไม่น่าใช่ ยังไม่เคยได้ยินว่ามีการพูดในประเด็นนี้ ส่วนตัวได้นำเรื่องนี้มาคิดอยุ่หลายชั่วโมง ซึ่งเรามีโซลูชั่นให้ ซึ่งทุกอย่างคิดอย่างรอบครอบ


