posttoday

พาณิชย์ ลุยตรวจนอมินี 4.6 หมื่นราย คู่ขนานปราบสินค้าด้อยคุณภาพ

21 พฤษภาคม 2568

“พิชัย-นภินทร” สั่งปูพรม ตรวจนอมินี 4.6 หมื่นราย! ดำเนินคดีสินค้าด้อยคุณภาพ 3.9 หมื่นคดี ตั้ง “สุชาติ” ที่ปรึกษา

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 5 (3/2568) โดยมีวาระสำคัญเพื่อแจ้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร

และติดตามความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการในการประชุมเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2568 และการประชุมหัวหน้าส่วนราชการเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 โดยเน้นย้ำการเข้มงวดกับสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน การดำเนินธุรกิจแบบนอมินี การขายสินค้าต่างชาติผิดกฎหมายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการส่งเสริมการใช้แรงงานไทยและวัตถุดิบในประเทศ พร้อมผลักดันให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเต็มที่

ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินคดีกับสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานและผิดกฎหมายแล้วกว่า 39,186 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 2,074 ล้านบาท และสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้านำเข้าที่ต่ำกว่า 1,500 บาทได้ถึง 1,796 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินมาตรการ Notice and Takedown ถอดสินค้าผิดกฎหมายออกจากแพลตฟอร์มออนไลน์แล้วกว่า 10,378 รายการ ส่วนการปราบปรามธุรกิจนอมินีมีการดำเนินคดีรวม 857 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 15,288 ล้านบาท

เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงาน ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพลตำรวจโท พิทยา ศิริรักษ์ เป็นที่ปรึกษาเพิ่มเติมใน 2 คณะอนุกรรมการ ได้แก่ คณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) และคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SME ไทย และแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ

พาณิชย์ ลุยตรวจนอมินี 4.6 หมื่นราย คู่ขนานปราบสินค้าด้อยคุณภาพ

พร้อมกันนี้ ในส่วนของการปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาเพิ่มเติม โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานที่ปรึกษาคณะทำงาน และมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพลตำรวจโท พิทยา ศิริรักษ์ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน รวมถึงแต่งตั้งรองอธิบดีกรมการปกครอง เป็นรองประธานเพิ่มเติมในคณะทำงาน เพื่อสนับสนุนการทำงานเชิงรุกและลงพื้นที่ทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มหน่วยงานในคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาครอบคลุมทุกมิติ

นายพิชัย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับปัญหานี้อย่างมาก และได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยเน้นการทำงานเชิงรุก (Proactive) เพื่อแก้ไขปัญหาล่วงหน้า เนื่องจากท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจโลก มีความเสี่ยงสูงที่สินค้าผิดกฎหมายและไม่มีคุณภาพจะทะลักเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ

โดยเฉพาะ SME ไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐบาลจะดำเนินการทุกมาตรการที่จำเป็น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการติดป้ายแสดงถิ่นกำเนิดสินค้าและการแข่งขันทางการค้า ซึ่งคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) จะเข้ามาบูรณาการใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมด้วยอย่างจริงจัง และเร่งรัดให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว”

พาณิชย์ ลุยตรวจนอมินี 4.6 หมื่นราย คู่ขนานปราบสินค้าด้อยคุณภาพ

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาสินค้านำเข้าและธุรกิจนอมินีสะสมในประเทศไทยมายาวนานกว่า 10 ปี โดยมีสาเหตุหลักมาจากกฎหมายไทยที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบการค้าโลก และไม่สามารถเอาผิดกับบริษัทที่ใช้คนไทยถือหุ้นแทนชาวต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ จะมุ่งล้างปัญหานอมินีเดิม โดยแบ่งกลุ่มบริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นตั้งแต่ 0.01 – 49.99% ออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. การท่องเที่ยว 2. อสังหาริมทรัพย์ 3. อีคอมเมิร์ซ ขนส่ง และคลังสินค้า 4. โรงแรมและรีสอร์ท 5. การเกษตร และ 6. การก่อสร้าง

จากข้อมูลพบว่ามีบริษัทกลุ่มเสี่ยงกว่า 46,918 ราย โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานระดับจังหวัดขึ้นในทุกจังหวัด ซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นประธาน และมีพาณิชย์จังหวัดเป็นเลขานุการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเข้มงวด ทั้งที่มาของเงินทุน ความสามารถในการประกอบธุรกิจ และความเชื่อมโยงกับชาวต่างชาติ

สำหรับบริษัทใหม่ที่จะจดทะเบียนในอนาคต จะมีการเสนอปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่มบทลงโทษต่อธุรกิจนอมินีถึงขั้นยึดทรัพย์ และจะเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อผลักดันเข้าสู่รัฐสภาโดยเร็ว รวมถึงประสานในทุกวาระเพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด ซึ่งการดำเนินการจะเป็นไปอย่างจริงจังและเชิงรุก โดยกำหนดให้แต่ละจังหวัดดำเนินการตรวจสอบบริษัทให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และในจังหวัดที่มีบริษัทที่อยู่ในข่ายเป็นจำนวนมาก จะต้องรายงานผลความคืบหน้าเป็นรายไตรมาส


 

ข่าวล่าสุด

ญี่ปุ่นเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของโลกอีกครั้ง หลังเหตุฟุกุชิมะ 15 ปี