จับตาชง บอร์ดกระตุ้นฯ โยกงบ 1.57 แสนล้าน แจกหมื่นเป็นลงทุนเร่งด่วน
คลัง เผยบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เคาะปรับแผนใช้งบ 1.57 แสนล้าน รับมือภาษีทรัมป์ เปลี่ยนแจกเงิน 10,000 ผ่านวอลเล็ต เป็นลงทุนโครงการเร่งด่วน หวังดันจีดีพีไทยตไม่ต่ำ 2%
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในเช้าวันจันทร์ที่ 19 พ.ค.นี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อตรวจทบทวนการใช้จ่ายงบ 157,400 ล้านบาท ที่เดิมวางแผนแจกเงินผ่านโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 และเฟส 4 แต่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลพิจารณาปรับแผนใช้เงินเป็นโครงการลงทุนเร่งด่วนและหลากหลายกว่าเดิม
วันนี้ต้องถามว่า เงินก้อนนี้ควรใช้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ ภายใต้สถานการณ์เปลี่ยนไป กระทรวงการคลังร่วมกับสศช.และสำนักงบประมาณกำลังวางแผนจัดสรรงบให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด รายละเอียดจะชัดเจนหลังประชุมวันจันทร์นี้
โดยงบประมาณ 157,400 ล้านบาท จะถูกกระจายไปใน 4 กลุ่มมาตรการหลัก ได้แก่ ลงทุนเร่งด่วน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะสั้น ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเพื่อรองรับผลกระทบจากภายนอก เช่น มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ โครงการทั้งหมดต้องเบิกจ่ายทันภายในปีงบประมาณ 2568 หรือภายในเดือนกันยายน 2568 เพื่อสร้างการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
โดยทุกโครงการจะต้องเป็น โครงการที่เบิกจ่ายทันภายในปีงบประมาณ 2568 หรือ ไม่เกินเดือนกันยายน 2568 เท่านั้น เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจอย่างทันเวลา โดยต้องเป็นโครงการที่พร้อมดำเนินการทันที เช่นโครงการขนาดเล็ก จะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 4–5 เดือน
สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3-4 ยังไม่ยืนยันว่าจะถูกบรรจุอยู่ในงบนี้หรือไม่ ขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการในวันจันทร์นี้
นายลวรณ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากงบ 157,400 ล้านบาท ไม่เพียงพอต่อการรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคส่งออก รัฐบาลสามารถพิจารณาใช้งบกลาง หรือปีงบประมาณถัดไปเพิ่มเติมได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ แต่ยังไม่รวมงบประมาณช่วยเหลือภาวะภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งยังต้องจัดลำดับความสำคัญอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่า จีดีพีจะไม่ต่ำกว่า 2% จากเดิมที่คาดไว้ 2.9% โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดตัวเลขลงเหลือ 2.1% และยังไม่อยากเห็นกรณีเลวร้ายที่จีดีพีขยายตัวเพียง 1% ทุกฝ่ายจึงพยายามเต็มที่เพื่อรักษาการเติบโตนี้ไว้ ดังนั้นการปรับและทบทวนแผนใช้เงินต่าง ๆ ต้องทำอย่างรวดเร็ว พร้อมมาตรการควบคู่ เม็ดเงิน157,400 ล้านบาท นี้ต้องเร่งใช้ให้หมดภายในเดือนกันยายน 2568 เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจไทย


