"พชร นริพทะพันธุ์" ชี้ต้องบริหาร Entertainment Complex ให้เหมาะสม
"พชร นริพทะพันธุ์" อดีตที่ปรึกษาประจำประธานกสทช.ชี้นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาล เป็นเดิมพันใหญ่ ดันไทยสู่ศูนย์กลางท่องเที่ยวและบริการ
"พชร นริพทะพันธุ์" ระบุว่า ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองและเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เดินหน้าเต็มสูบกับนโยบายการจัดตั้ง Entertainment Complex ที่รวมถึงการเปิดเสรีคาสิโนอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ทางเลือกใหม่” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พัฒนาการท่องเที่ยว และสร้างรายได้จากภาษี
พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย: จากกับดักรายได้ปานกลางสู่จุดหมายระดับโลก
หนึ่งในเป้าหมายหลักของโครงการนี้ คือการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยจากภาคเกษตรและอุตสาหกรรม สู่ภาคบริการและการท่องเที่ยว โดยการเปิด Entertainment Complex 5 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังจ่ายสูง และกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ที่ยังไม่สามารถหลุดพ้นจาก “กับดักรายได้ปานกลาง”
การลงทุนระดับหลายหมื่นล้านบาทในแต่ละแห่งจะนำไปสู่การสร้าง “เมืองท่องเที่ยวใหม่” ที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วน ตั้งแต่สนามบิน โรงพยาบาล ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะเป็นตัวเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
จัดระเบียบสิ่งผิดกฎหมาย: ปรับจากใต้ดินขึ้นบนดิน
แม้คาสิโนยังถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในไทย แต่ข้อเท็จจริงคือ การพนันฝังรากลึกในสังคมไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งระบบยุติธรรมในปัจจุบันไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำให้สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้กลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย จะช่วยฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของกฎหมายและระบบยุติธรรม แทนที่จะปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชันใต้โต๊ะ ซึ่งบ่อนทำลายสังคมจากภายใน
เพิ่มรายได้รัฐ-จัดสวัสดิการได้ยั่งยืน
ในภาวะที่รัฐต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการ และเผชิญกับอัตราการเกิดที่ต่ำ การเพิ่มรายได้จากภาษีคือทางรอดที่จำเป็น รายได้จากภาคการพนันที่อยู่ในระบบสามารถกลายเป็นงบประมาณสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศ ลดการพึ่งพาภาษีทางตรงจากประชาชน
เสียงค้านและข้อกังวล: ควบคุมได้หรือไม่?
แม้แนวคิดจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อกังวลตามมา เช่น
• เยาวชนถูกมอมเมา: เสนอให้ใช้ระบบควบคุมดิจิทัล และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกัน
• ระบบตำรวจไร้ประสิทธิภาพ: ต้องยกระดับความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เพื่อปิดช่องว่างของการคอร์รัปชัน
• หลีกเลี่ยงภาษี: ต้องสร้างระบบที่ “ผลเสียจากการทำผิดมากกว่าผลได้” เพื่อจูงใจให้อยู่ในระบบ
บทเรียนจากกัญชาเสรี: ควรเร่งแต่ต้องไม่ลักลั่น
บทเรียนจากการผลักดันกัญชาโดยขาดกรอบควบคุมทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ย้อนแย้ง รัฐบาลจึงต้องระวังไม่ให้ Entertainment Complex กลายเป็น “นโยบายลักลั่น” ที่สร้างปัญหาใหม่แทนที่จะเป็นคำตอบ
ข้อเสนอทางการเมือง: สร้างการมีส่วนร่วมจริง ไม่ใช่แค่ประชาพิจารณ์
"พชร " เสนอให้มีการจัด Townhall กับประชาชน เพื่อเปิดเวทีรับฟังความเห็นโดยตรง แทนการประชาพิจารณ์แบบขาวดำ ทั้งยังเน้นว่า “การบริหารคือการนำ” ไม่ใช่การตาม หากหวังดึงศักยภาพประเทศออกมาให้ได้เต็มที่
บทสรุป: เปิดโอกาสหรือเปิดช่อง?
แม้ Entertainment Complex จะเป็นหัวข้ออ่อนไหว แต่การปิดกั้นโดยอ้างศีลธรรมและความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง อาจเป็นการพลาดโอกาสในการพัฒนาประเทศอย่างถาวร สิ่งที่ต้องเร่งคือการออกแบบระบบควบคุมที่เข้มแข็ง ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงปัญหา
เพราะหากเราไม่กล้าก้าวข้ามจุดนี้ ประเทศไทยอาจยังคงติดอยู่ในวงจรเดิม โดยไม่มีวันที่จะเป็นผู้นำด้านบริการและการท่องเที่ยวในภูมิภาคได้เลย


