posttoday

ทางแยกสำคัญ "อนาคตเศรษฐกิจไทย" ในโครงการ Entertainment Complex

14 พฤษภาคม 2568

ประเทศไทยกำลังอยู่บนทางแยกสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมหน้าการพัฒนาในระยะยาว นั่นคือการพิจารณากฎหมายเพื่อเปิดทางให้โครงการ “สถานบันเทิงครบวงจร”

รัฐบาลมองว่าโครงการนี้จะกลายเป็น “เครื่องจักรเศรษฐกิจตัวใหม่” ที่ช่วยผลักดันจีดีพี สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนและการพึ่งพาการส่งออกอาจไม่เพียงพออีกต่อไป

 

เส้นทางสู่ Entertainment Complex: จากแนวคิดสู่ความจริง

รายงานวิเคราะห์ล่าสุดโดย Inside Asian Gaming (IAG) ซึ่งเป็นสื่อชั้นนำด้านอุตสาหกรรมเกมและความบันเทิงในเอเชีย ชี้ว่า ไทยมีความเป็นไปได้ที่จะดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ในระดับโลก เช่น Galaxy Entertainment Group, Melco Resorts & Entertainment, MGM Resorts, Genting Group, Wynn Resorts และ Hard Rock International แม้จำนวนจะน้อยกว่าผู้สนใจในตลาดญี่ปุ่นเมื่อครั้งเปิดให้แสดงความจำนง แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในสายตานักลงทุน

 

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่ความน่าสนใจของตลาด หากแต่ขึ้นอยู่กับ “การตัดสินใจเชิงนโยบาย” ที่ชัดเจนและสมดุล โดย IAG ได้เสนอ 5 ข้อสำคัญที่ควรปรับปรุงเพื่อปลดล็อกโอกาสการลงทุน ได้แก่:

 

1. ข้อกำหนดการเข้าถึงของคนไทย – ต้องกำหนดเกณฑ์อย่างรัดกุม เช่น การใช้ระบบลงทะเบียน หรือกำหนดเกณฑ์รายได้ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนกลุ่มเปราะบาง

2. ข้อจำกัดด้านความเป็นเจ้าของของต่างชาติ – การเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามามีบทบาทอย่างเหมาะสม จะช่วยเร่งการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี

3. โครงสร้างการกำกับดูแล – จำเป็นต้องมีหน่วยงานกำกับเฉพาะ เพื่อควบคุม ตรวจสอบ และกำหนดมาตรฐานระดับสูง

4. การเลือกสถานที่ตั้ง – ต้องอยู่ในพื้นที่ที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ไม่กระทบวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิม

5. ความมั่นคงของกฎหมายในระยะยาว – นักลงทุนต้องการความชัดเจนในกฎหมาย เพื่อการวางแผนลงทุนอย่างมั่นใจ

 

ทางแยกสำคัญ "อนาคตเศรษฐกิจไทย" ในโครงการ Entertainment Complex

 

มุมมองจากแบงก์ชาติ ย้ำความเสี่ยงมากกว่าผลประโยชน์?

แม้รัฐบาลจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ แต่มุมมองจาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กลับมองในอีกทิศทาง โดยเสนอให้พิจารณาแนวทางอื่นที่เหมาะสมกับบริบทของไทยมากกว่า เช่น การพัฒนา “Wellness Complex” หรือศูนย์สุขภาพครบวงจร ที่มีโอกาสสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกและยั่งยืนได้ดีกว่า

 

ผู้ว่าฯ ธปท. ยังแสดงความกังวลเรื่อง “ภาพลักษณ์เทาๆ” ของอุตสาหกรรมการพนัน ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงต่อสังคมในระยะยาว หากไม่มีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มแข็งและโปร่งใสเพียงพอ

 

เสียงจากนักวิชาการ โอกาสในการแก้ปัญหาท่องเที่ยวไทย

ดร.ณรงค์ชัย ใหญ่สว่าง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพอินเตอร์ เสนออีกมุมหนึ่งว่า Entertainment Complex จะเป็น “เครื่องมือสำคัญ” ในการแก้ปัญหา Low Season หรือช่วงโลว์ของการท่องเที่ยวไทย ซึ่งปัจจุบันยังคงกระจุกตัวในช่วงไตรมาส 4 และไตรมาส 1 ของปี

 

เขายกตัวอย่างจากยุโรปว่า “การมีคอมเพล็กซ์แบบนี้ช่วยให้ฤดูกาลท่องเที่ยวไม่ห่างกันมากนัก เพราะนักท่องเที่ยวสามารถมาใช้บริการได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก”

 

เพื่อคลายความกังวลของสังคม ดร.ณรงค์ชัย ยังเน้นย้ำว่า “กาสิโน” เป็นเพียงหนึ่งในองค์ประกอบย่อยของคอมเพล็กซ์เท่านั้น โดยข้อมูลจากลาสเวกัสชี้ว่ารายได้จากกาสิโนมีสัดส่วนเพียง 30% ส่วนที่เหลือมาจากโรงแรม การแสดงสินค้า คอนเสิร์ต ร้านอาหาร และการจับจ่ายใช้สอย ส่วนในมาเก๊า สัดส่วนรายได้จากกาสิโนอยู่ที่ประมาณ 25–50% และในดูไบเพียง 10% เท่านั้น

 

ทางแยกสำคัญ "อนาคตเศรษฐกิจไทย" ในโครงการ Entertainment Complex

 

โมเดลดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรี กระจายรายได้สู่ชุมชน

หนึ่งในข้อเสนอที่น่าสนใจคือการพัฒนาโมเดล “Downtown Duty-Free” หรือพื้นที่ขายสินค้ายกเว้นภาษีในตัวเมือง เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ค้า OTOP และผู้ผลิตท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ให้เข้าถึงชุมชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

หากผสานเข้ากับโมเดลของ Entertainment Complex ก็อาจสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจขนาดใหญ่และเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ความท้าทายด้านสังคมและความมั่นคง

ในประเด็นสังคม มีข้อเสนอให้ใช้ระบบ KYC (Know Your Customer) อย่างเข้มงวด เช่น การลงทะเบียนล่วงหน้า, การยืนยันตัวตนผ่านเอกสารทางราชการ และการจำกัดสิทธิ์สำหรับกลุ่มเสี่ยง โดยอาจศึกษาแนวทางจากประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น สิงคโปร์ ซึ่งมีระบบควบคุมการเข้าถึงกาสิโนสำหรับประชาชนของตนเอง

 

เส้นทางเวลา (Timeline) สู่อนาคต

IAG ประเมินว่า หากประเทศไทยสามารถออกกฎหมายที่มีความสมดุลและดึงดูดนักลงทุนได้ภายในปี 2568 ก็อาจเริ่มต้นกระบวนการประมูลในปี 2569 เริ่มก่อสร้างในปี 2570 และเปิด Entertainment Complex รุ่นแรกได้ภายในช่วงปี 2574–2575

 

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีปัจจัยไม่แน่นอนอีกหลายประการที่ต้องคลี่คลาย เช่น การเห็นพ้องร่วมกันทางการเมือง, การยอมรับจากประชาชน, การวางแผนกำกับดูแลที่โปร่งใส และการออกแบบระบบภาษีที่ยุติธรรม

 

บทสรุป: เปิดหรือปิดโอกาสเศรษฐกิจใหม่?

ประเทศไทยกำลังอยู่บนทางแยกที่ต้องเลือกระหว่างความกล้าเปิดรับนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจใหม่ กับการยึดมั่นในความปลอดภัยเชิงนโยบายเดิม ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถออกแบบโครงการ Entertainment Complex ให้มีความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และศีลธรรมได้มากเพียงใด

 

หากทำได้ดี โครงการนี้อาจไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่ของการพนัน แต่จะกลายเป็น “เมืองแห่งโอกาส” ที่สร้างรายได้ เสริมภาพลักษณ์ และกระจายประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง

 

แต่หากทำพลาด ก็อาจเป็นเพียง “อีกหนึ่งโครงการ” ที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพงของประเทศในอนาคต

 

 

ที่มา - วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,096 วันที่ 15 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ข่าวล่าสุด

4 หน่วยงานลุย "สะพานสมุย" พ่วงน้ำ-ไฟ-เน็ต แก้ปัญหาระยะยาว