ทำไมต้อง “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” ตัวเต็งผู้ว่าแบงก์ชาติ คนใหม่
จับตา “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” ตัวเต็ง แคนดิเดตผู้ว่าแบงก์ชาติคนต่อไป ด้วยจุดแข็ง "ภาพลักษณ์มืออาชีพ เป็นกลาง" เชื่อมโยงการคลัง-การเงินทำงานสอดประสานกันง่ายขึ้น
เมื่อเก้าอี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) กำลังจะว่างลงในเดือนกันยายนนี้ การค้นหาบุคคลที่เหมาะสมจึงกลายเป็นหัวข้อร้อนในวงการเศรษฐกิจและการเมือง ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท. มีมติเห็นชอบให้เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่า แบงก์ชาติ คนต่อไป ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.- 4 มิ.ย. 2568 แทนนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการฯ คนปัจจุบันที่จะครบวาระในวันที่ 30 กันยายนนี้
หนึ่งในชื่อที่ถูกกล่าวถึง และถูกจับตามองมากที่สุด ในฐานะ “ตัวเต็ง” คือ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในปัจจุบัน ที่มีเส้นทางชีวิตราชการที่โดดเด่น และครอบคลุมทั้งมิติการคลังระหว่างประเทศ การเงินภายในประเทศ อีกทั้งยังเป็นคนรุ่นใหม่ที่สื่อสารต่อสาธารณะชนได้เป็นอย่างดี จนได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกกระทรวงการคลัง
ดาวรุ่งกระทรวงการคลัง สู่แคนดิเดตเบอร์ต้น ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ
ดร.เอกนิติ ไม่ได้เป็นเพียงข้าราชการสายคลังที่เติบโตรวดเร็ว แต่เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่นั่งเก้าอี้อธิบดีครบทั้ง 3 กรมระดับ A ของกระทรวงการคลัง ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมธนารักษ์ สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในด้านรายได้ของรัฐ และความไว้วางใจในวงราชการระดับสูง
ดีกรีการศึกษาและเส้นทางการทำงานครบเครื่อง
ดร.เอกนิติ จบการศึกษาเศรษฐศาสตร์บัณฑิต ดีกรีเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยทุนสมาคมเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จากนั้นได้ศึกษาต่อจนจบปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต จาก University of Illinois at Urbana-Champaign ประเทศสหรัฐอเมริกา และเศรษฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต จาก Claremont Graduate University ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนรัฐบาลไทย ก.พ.
หลังจบการศึกษา ดร.เอกนิติ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในเวทีระหว่างประเทศ ได้แก่ อัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจการคลัง ประจำสหราชอาณาจักรและยุโรป และตำแหน่ง Senior Advisor ธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รวมเวลาเกือบ 2 ปี กับการทำงานในองค์กรเศรษฐกิจระดับโลก
ในภาคเอกชน ดร.เอกนิติ มีบทบาทในฐานะประธานกรรมการขนาดใหญ่มากมาย ทั้งมิติการเงิน การบิน และสื่อสาร อาทิ การบินไทย วิทยุการบินแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทย SME Bank และเคยดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบรรษัทภิบาลของธนาคารไทยพาณิชย์ ล่าสุด ยังนั่งเป็นประธานกรรมการ ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์
ด้วยเส้นทางทำงานอย่างคร่ำหวอด บวกกับภาพลักษณ์ “มืออาชีพ ไม่ฝักใฝ่การเมือง” จึงทำให้เขากลายเป็นแคนดิเดตที่ “อยู่ตรงกลาง” มากพอจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแบงก์ชาติกับรัฐบาลได้อย่างสมดุล
ผู้ว่าแบงก์ชาติ ต้องไม่ใช่แค่ "กลาง" แต่เข้าใจ “การคลัง”
แม้ พ.ร.บ. ธปท. จะวางหลักให้ผู้ว่าแบงก์ชาติ ต้องมีความเป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง แต่ในความเป็นจริง ตำแหน่งนี้มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลเร่งฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิดผ่าน “นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ซึ่งหลายครั้งอาจขัดแย้งกับแนวทางระมัดระวังของแบงก์ชาติ ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยยังเผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจและการบริโภคโดยตรง ปัจจัยทั้งหมดนี้จึงสะท้อนถึงความจำเป็นในการประสานงานอย่างมีเอกภาพระหว่างนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง เพื่อพยุงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคงและทันท่วงที
ล่าสุด ดร.เอกนิติ เปิดเผยกับ “สำนักข่าวโพสต์ทูเดย์” ว่า “ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าแบงก์ชาติหรือไม่ โดยยอมรับว่ามีหลายฝ่ายให้การสนับสนุนและผลักดันให้ร่วมลงสมัครในตำแหน่งสำคัญครั้งนี้ รู้สึกขอบคุณอย่างมากสำหรับแรงสนับสนุน”
แม้จนถึงขณะนี้ ดร.เอกนิติ ยังไม่ได้ยื่นใบสมัคร แต่ชื่อของเขาถูกจับตามองในฐานะแคนดิเดตผู้ว่าแบงก์ชาติมาหลายครั้ง และในรอบนี้ ว่ากันว่าได้รับแรงสนับสนุนจากทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล พร้อมกระแส "ไฟเขียว" หลังให้การยอมรับ ใน “จุดแข็ง และจุดขาย” ที่เขามี แม้เขาจะไม่ใช่คนการเมืองโดยตรงก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ ความสามารถโดดเด่น น่าสนใจ ที่สำคัญ คือ “สามารถเชื่อมการทำงานของนโยบายการคลัง และนโยบายการเงินให้ทำงานสอดประสานกันได้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา" จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชื่อ "ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ" ถึงถูกมองเป็น “ตัวเต็ง ผู้ว่าแบงก์ชาติ" คนต่อไปในรัฐบาลนี้