นักวิชาการชู "เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์" พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย
เปิดตัวเลขรายได้ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" โดย “ดร.ณรงค์ชัย ใหญ่สว่าง” สถานบันเทิงครบวงจร คือทางเลือกใหม่ที่จะเข้ามาพลิกฟื้นหรือกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้จริงไหม?
บทสรุปจากการให้ความเห็นในเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในประเทศไทยโดย “ดร.ณรงค์ชัย ใหญ่สว่าง” ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และม.กรุงเทพ อินเตอร์
โมเดลสถานบันเทิงครบวงจร คือทางเลือกใหม่ที่จะเข้ามาพลิกฟื้นหรือกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้จริงไหม?
มองจากภาพรวมของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในระดับโลก
เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) คือศูนย์รวมธุรกิจที่อาจรวมถึงโรงแรม ศูนย์การค้า สถานบันเทิง และในบางกรณีอาจมีคาสิโนเป็นส่วนหนึ่ง ปัจจุบันมีมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก หรือประมาณ 75% ของประเทศทั้งหมด ที่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยวมากมาย มีแค่บางส่วนอาจเพียง 2% ที่มีกฎหมายคลุมเคลือ ประมาณ 23% ที่บอกว่าผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นส่วนน้อยหรือ 1 ใน 4 ของทุกประเทศทั่วโลก
โดยมีรูปแบบและข้อกำหนดทางกฎหมายที่แตกต่างกันไปดังนี้
- 107 ประเทศ (55%) มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ถูกกฎหมาย ซึ่งอาจมีหรือไม่มีคาสิโนก็ได้
- 39 ประเทศ (20%) อนุญาตให้มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น (มีข้อจำกัด / มีมาตรการกำกับควบคุม)
- 23% ของประเทศทั้งหมดกำหนดให้เป็นสิ่งผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด
- มีเพียง 2% เท่านั้นที่มีกฎหมายที่คลุมเครือเกี่ยวกับสถานบันเทิงเหล่านี้
สถานะของประเทศไทยในโมเดลนี้
ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่ม 44 ประเทศที่คาสิโนยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากไทยตัดสินใจอนุญาตให้มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ถูกกฎหมาย ก็จะกลายเป็นหนึ่งใน 39 ประเทศที่มีการกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ
ขณะนี้ ประเทศไทยถือเป็น “ชนกลุ่มน้อย” ที่ยังคงห้ามคาสิโนอย่างเป็นทางการ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่ง เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และญี่ปุ่น กำลังก้าวไปข้างหน้า โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่กำลังพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่โอซาก้า ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า อาจส่งผลให้ญี่ปุ่นแซงหน้าประเทศไทยในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวในอนาคต
ตัวอย่างความสำเร็จจากต่างประเทศ
- มาเก๊า และลาสเวกัส : แสดงให้เห็นว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางคาสิโน แต่เป็นศูนย์รวมของธุรกิจบันเทิงและการท่องเที่ยวที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนสูง
- เกาหลีใต้ : มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ใกล้สนามบินอินชอน ดึงดูดนักลงทุนระดับสูงและนักท่องเที่ยว
- ญี่ปุ่น : โครงการในโอซาก้าคาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 400,000 ล้านบาทในปีแรกที่เปิดให้บริการ
- สิงคโปร์ : Marina Bay Sands เป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จ มีทั้งโรงแรม ศูนย์ประชุม ร้านค้าหรู และสถานบันเทิงต่างๆ
เปิดตัวเลขรายได้ Entertainment Complex
ข้อจำกัดและแนวทางในประเทศที่มีข้อห้ามทางศาสนา
แม้แต่ในบางประเทศมุสลิม เช่น เลบานอน อียิปต์ และดูไบ ก็ยังมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะมีข้อจำกัดทางศาสนา แต่รัฐบาลก็อนุญาตให้เปิดได้เพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ โดยใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวด
แนวคิดของการพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในไทย
ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังพิจารณานโยบายนี้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจเป็นทางเลือกสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยคำนึงถึงแหล่งรายได้จาก 12 ประเภทของธุรกิจภายในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่ง 11 ใน 12 ธุรกิจไม่ได้เกี่ยวข้องกับคาสิโนโดยตรง แต่สร้างรายได้จากภาคบริการเป็นหลัก
ไม่มีได้ไหม ถ้าไม่ทำจะเกิดอะไรขึ้น
ตนมองว่าน่าจะแย่ เพราะจากรายงาน เรื่องภาษีจากสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้มีรายงานเพิ่มมาเป็น 36% แล้วซึ่งต้องบอกก่อนว่าตัวเลขนี้ส่งผลถึงภาคการผลิตอาจจะทำให้มีการส่งสินค้าออกนอกประเทศได้ลดลงรวมถึงฐานการผลิตอื่นๆจากต่างประเทศที่จะย้ายเข้ามาในประเทศไทยก็อาจจะมีการชะลอตัวได้รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศตอนนี้ที่ต้องบอกว่าเติบโตน้อยไปหน่อย รั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียนรวมถึงอาจจะเป็นทั้งแถบเอเชียเลยก็ได้เพราะเมื่อเม็ดเงินน้อยการจับจ่ายใช้สอยก็ลดลงเพราะเมื่อเม็ดเงินมันน้อยเศรษฐกิจก็ชะลอตัวถ้าเทียบกับ 75% ของประเทศที่มีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ที่สามารถดึงดูดเม็ดเงินได้มากกว่าต้นมองว่าต้องมีแรงกระตุ้นสักอย่าง หรือมีเครื่องจักรทางเศรษฐกิจ
ตัวอย่างจากเกาหลีใต้ชี้ให้เห็นว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ที่มีรายได้จากอุตสาหกรรมนี้ไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนล้านบาทต่อปี
เพราะฉะนั้นเมื่อเงินในกระเป๋าตังค์เราไม่มีเราก็ต้องหาเงินจากแหล่งอื่นๆจากต่างชาติเพื่อมาลงทุนรวมถึงเข้ามาท่องเที่ยวก็ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นสามในสี่ของโลกคิดตรงกันว่า ต้องมาลงทุนในเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์
แล้วเกาหลีใต้เห็นผลไหมจากการลงทุนเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์
เห็นผลครับ ยกตัวอย่าง ลาสเวกัสเติบโตกว่า 1.5-2 ล้านๆ บาทในธุรกิจเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ทั้งหมด รวมถึงถ้ามองในภูมิภาคเอเชียทั้งฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รวมถึงญี่ปุ่นที่จะเปิดเร็วเร็วนี้ที่โอซาก้า แต่ละประเทศไม่มีใครได้ต่ำกว่า 2-3 แสนล้านบาทเลย ญี่ปุ่นคำนวณแล้วว่าอย่างน้อย 400,000 ล้านบาทถ้าหากเปิดในปีแรก
ต้องบอกว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญและมีความพร้อมในเรื่องที่ตั้งความพร้อมสรรพด้านต่างๆ เป็นทั้งจุดศูนย์กลางของการท่องเที่ยว ตัวเลขนักท่องเที่ยวของเรามากกว่าญี่ปุ่นเพราะฉะนั้นหากเปิดเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ คร่าวๆแล้วอย่างน้อยจะมีโอกาสสร้างรายได้ถึง 1 ล้านล้านบาท ในเงินที่สะพัดในเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์แค่หนึ่งแห่ง ซึ่งต้องบอกว่ามันอาจจะทวีคูณยิ่งไปกว่านั้นก็ได้
โดยในการคำนวณจากรายงาน 20% ขอเงินที่สะพัดห้าปีแรกเติบโต 20% ทุกปีหมายความว่าห้าปีเติบโตเท่าตัวจาก 1ล้านล้านบาทมาเป็น 2 ล้านล้านบาทภายในระยะเวลาแค่ห้าปีและอีกห้าปีต่อมาเป็น 3 ล้านล้านบาทเพราะฉะนั้นเงินไหลเข้าประเทศค่อนข้างเยอะ
ข้อถกเถียงและการต่อต้าน
ในเมื่อเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ไม่ได้มีแค่คาสิโนแต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆและสร้างเม็ดเงินมากมาย และคนที่ต่อต้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับคาสิโน ทำไมถึงยังมีคนต่อต้านเรื่องนี้ไม่น้อย
มีการต่อต้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จาก 5 กลุ่มหลักๆ (โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับคาสิโน) คือ
1. กลุ่มผลประโยชน์จากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มองว่าคือคู่แข่ง กลัวว่าไทยจะดึงดูดนักท่องเที่ยวและเงินทุนจากต่างชาติ ส่งผลให้ประเทศเหล่านี้สูญเสียรายได้ ตนได้ข้อมูลมาว่าผู้ต่อต้าน ที่ออกมาประท้วงอาจได้เงินสนับสนุนจากคู่แข่งต่างชาติก็ได้
2. กลุ่มที่เปิดบ่อนหรือธุรกิจสีเทา
และในข้อที่สองขบวนการใต้ดินไม่ได้มีแต่ต่างประเทศอย่างเดียว คนไทยในประเทศที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายบ่อนผิดกฎหมายหรือธุรกิจสีเทาต่างๆก็อาจมีการรวมตัวกันและให้เม็ดเงินผู้ประท้วงเช่นกันเพราะเมื่อมีการออกใบอนุญาตถูกกฎหมายก็อาจทำให้กลุ่มธุรกิจสีเทานี้เสียผลประโยชน์ตอนนี้ต้องบอกว่ากลุ่มธุรกิจใต้ดินของประเทศไทยมีเงินสะพัดมากถึง 1.1 ล้านล้านบาท
เม็ดเงินที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจสีเทาทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาทในประเทศ คิดเป็นหนึ่งในสามของงบประมาณแผ่นดินต่อปี และเม็ดเงินที่ไหลออกค่อนข้างเยอะคือเกือบ 700,000 ล้านบาทต่อปี หมายความว่า จาก 1.1 ล้านล้านบาทที่จะได้มากว่า 7 แสนล้านไหลออกไปนอกประเทศทั้งหมดทุกปี
3. กลุ่มข้าราชการและตำรวจที่ได้รับผลประโยชน์จากธุรกิจใต้ดิน : บ่อนผิดกฎหมายและธุรกิจสีเทาสร้างรายได้จำนวนมากให้กับกลุ่มเหล่านี้
4. กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล ที่ใช้ประเด็นนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอยู่แล้วในการประท้วงเรื่องต่างๆ ก็อาจมีองค์กรใต้ดินที่อยากล้มรัฐบาลก็ได้
5. กลุ่มรณรงค์ต่อต้านการพนัน กังวลว่าการมีคาสิโนจะนำไปสู่ปัญหาการพนัน แต่ในความเป็นจริง การมีมาตรการกำกับดูแล เช่น ระบบ KYC และข้อจำกัดในการเข้าใช้บริการ อาจช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่าปล่อยให้เป็นธุรกิจใต้ดิน
บทสรุป
โมเดลเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นแนวทางที่หลายประเทศนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และประเทศไทยอาจจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากมีโอกาสสร้างรายได้มหาศาล ลดการรั่วไหลของเงินออกนอกประเทศ และช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว
แม้จะมีข้อถกเถียงและการต่อต้านจากบางกลุ่ม แต่หากมีมาตรการกำกับดูแลที่เหมาะสม เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ข้อมูลอ้างอิง: รายการฐานทอล์ค / ฐานเศรษฐกิจ


