posttoday

'พิชัย'เปิด2บริษัทจีนโยงตึกสตง.ถล่ม ส่งบัญชีกลางสอบเครือข่าย

03 เมษายน 2568

"พิชัย นริพทะพันธุ์"ชี้มูล 2 บริษัทจีน โยงตึกสตง. ถล่ม มีเครือข่ายอีก 37 บริษัทส่งข้อมูลกรมบัญชีกลางสอบอีก 26 โครงการ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 4 (2/2568) โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือถึงแนวทางการดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้กระทำผิด

นายพิชัย เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเกิดเหตุพังถล่ม โดยพบว่ามี 2 นิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ซึ่งมีชาวจีนถือหุ้นในสัดส่วน 49% และ 80% ตามลำดับ

เบื้องต้นพบมูลฐานความผิดตามกฎหมายไทยหลายฉบับ โดยเฉพาะพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ส่งมอบข้อมูลทางทะเบียนของทั้งสองบริษัทให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พิจารณา และขณะนี้ DSI ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว

นายพิชัย กล่าวว่า เหตุการณ์อาคาร สตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 นำไปสู่การตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญากับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ในนามกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี มีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นอีก 13 แห่ง ขณะที่ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่พบในที่เกิดเหตุ มีความเกี่ยวข้องกับอีก 24 บริษัท รวมทั้งสิ้น 37 บริษัท โดยข้อมูลทั้งหมดได้ส่งให้ DSI ดำเนินการแล้ว
 

นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางจะเข้าตรวจสอบการรับงานใน 26 โครงการที่มีปัญหา ซึ่งบางส่วนมีการทิ้งงาน หากพบความผิดปกติอาจพิจารณาขึ้นบัญชีดำบริษัทที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ กล่าวเสริมว่า DSI ได้รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษแล้ว และทุกหน่วยงานต้องเร่งส่งข้อมูลให้ DSI ตรวจสอบ โดยมีการดำเนินการดังนี้

  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า: ตรวจสอบ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และเครือข่าย 13 บริษัท พร้อมส่งข้อมูลให้ DSI
  • สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.): ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัท ผู้ถือหุ้น และผู้เกี่ยวข้อง
  • กรมสรรพากร: ตรวจสอบการเสียภาษีของบริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งหมด
  • สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.): ตรวจสอบคุณภาพเหล็กและอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง
  • กรมการจัดหางาน: ตรวจสอบใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว
  • กรมโรงงานอุตสาหกรรม: ตรวจสอบโรงงานผลิตเหล็ก
  • กรมที่ดิน: ตรวจสอบการถือครองที่ดินของคนไทยและต่างชาติ
  • กรมบัญชีกลาง: ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

ขณะเดียวกัน จะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมถึง 14 บริษัทในเครือข่ายว่ามีการรับงานในโครงการใดบ้าง โดยล่าสุดพบว่ามี 26 โครงการที่เกี่ยวข้อง และคาดว่าอาจมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งได้เสนอให้ DSI กระทรวงมหาดไทย กรมโยธาธิการ และกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าตรวจสอบเชิงลึก เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนและทรัพย์สิน

โดยจะมีการตรวจสอบการใช้คนไทยเป็นนอมินีและขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งให้ DSI ดำเนินการอย่างเร่งด่วน

สำหรับบทลงโทษตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หากพบการกระทำผิด มีดังนี้

  • กรณีนอมินี (คนไทยถือหุ้นแทนต่างชาติ): จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • กรณีคนต่างด้าวดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • กรณีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต: ศาลอาจสั่งให้เลิกกิจการหรือเพิกถอนการถือหุ้นได้

ข้อมูลของ 2 บริษัทที่ถูกตรวจสอบ  

  • บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด: จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นเป็นคนไทย 51% และคนจีน 49% ผลประกอบการในปี 2566 พบว่ามีผลขาดทุนสะสม 208,489,056.67 บาท
  • บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด: จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 1.53 พันล้านบาท มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นเป็นคนไทย 20% และคนจีน 80%

ขณะนี้ทั้งสองบริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเชื่อมโยงกับนิติบุคคลอื่นๆ อีก 37 บริษัท โดย DSI กำลังเร่งดำเนินการสืบสวนขยายผลในทุกมิติ

ข่าวล่าสุด

คุณหญิงสุดารัตน์แจงร่วมงานแต่งยิมเลียก-วิษณีถูกเชิญเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง