posttoday

BPP โตแรงตลาดสหรัฐฯ ดีมานด์ไฟฟ้าพุ่ง รายได้คาร์บอนจีนโต

13 มีนาคม 2568

BPP เผยผลดำเนินงานปี 2567 รับตลาดสหรัฐฯยังแข็งแกร่ง ดีมานด์พุ่ง ราคาซื้อขายไฟล่วงหน้าเพิ่มเกือบเท่าตัว คว้ารายได้เพิ่มจากสิทธิการปล่อยคาร์บอนในจีน

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานระดับสากล เผยผลดำเนินงานปี 2567รักษาผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าทุกแห่งได้อย่างมีเสถียรภาพควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อย CO2 โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าในจีนลดการปล่อยคาร์บอนจากโรงไฟฟ้าได้ดีกว่าเกณฑ์ ทำให้มีรายได้เพิ่มเติมจากการขายสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอน (Carbon Emission Allowances: CEAs) เกือบ 90 ล้านบาท 

 

เล็งเตรียมความพร้อมโรงไฟฟ้า Temple I และ Temple II ในสหรัฐฯ รับแรงหนุนจากแนวโน้มราคาซื้อขายไฟล่วงหน้าในตลาดไฟฟ้าเสรี ERCOT สูงขึ้นเกือบเท่าตัวในปี 2568 และการคาดการณ์อัตราความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 15-17% ภายในปี 25731 จากการลงทุน Data Centers โดยรัฐเท็กซัสมีการเติบโตของ Data Centers ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ2 

 

นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

 

นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า “BPP ขับเคลื่อนการเติบโตตามแนวทางการดำเนินธุรกิจ Beyond Quality Megawatts โดยมุ่งมั่นบริหารพอร์ตโฟลิโอให้มีความสมดุลและครอบคลุมมากไปกว่าการขยายกำลังผลิตไฟฟ้า เพื่อมีความยืดหยุ่นในการหาโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโต และสร้างกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

 

โดยปีที่ผ่านมาธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ II ในรัฐเท็กซัส สหรัฐฯ สามารถเดินเครื่องเพื่อส่งมอบพลังงานได้ต่อเนื่อง แม้จะมีราคาซื้อขายไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงจากอุณหภูมิและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่เราเชื่อมั่นว่า ราคาซื้อขายไฟในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นสอดรับกับเทรนด์เทคโนโลยีพลังงานและดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ

 

อีกทั้ง BPP มีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา (Hedging Risk Management) ด้วยการใช้เครื่องมือทางการเงิน (Financial Derivative) สำหรับโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งนี้ โดยในปี 2568 จะมีกระแสเงินสดที่จะได้รับจากการใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ 40% นอกจากนี้ เรามองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมของธุรกิจในจีนจากการขายสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอน (CEAs) ของโรงไฟฟ้าถ่านหิน” 

 

BPP โตแรงตลาดสหรัฐฯ ดีมานด์ไฟฟ้าพุ่ง รายได้คาร์บอนจีนโต

 

นอกจากนี้ BPP ยังเร่งขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง (Renewables+) เดินหน้าสร้างห่วงโซ่ธุรกิจพลังงานที่แข็งแกร่ง โดยเน้นการลงทุนในโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มขนาดใหญ่ (BESS) และการซื้อขายพลังงาน (Energy Trading) เพื่อสร้าง New S-curve ให้กับบริษัทฯ รวมถึงนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาเสริมการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

 

ผลการดำเนินงานปี 2567 BPP มีรายได้รวม 25,827 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,746 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานปกติ รวม 7,383 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วน
ผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.49 เท่า โดยไฮไลต์สำคัญในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย

 

ธุรกิจพลังงานความร้อน (Thermal Energy): โรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ในสปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทย ยังคงเดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถรักษาค่าความพร้อมจ่ายไฟ (EAF) ในระดับสูงที่ร้อยละ 86 และร้อยละ 90 ตามลำดับ และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเพิ่มเติมจากจำนวนชั่วโมงการผลิตตามสัญญา

 

รวมถึงการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (CHP) และโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (SLG) ในจีน จากการบริหารต้นทุนถ่านหินที่ดีขึ้นและมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้นเกือบ 90 ล้านบาท จากการขายสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอนของโรงไฟฟ้า (CEAs) ปริมาณประมาณ 290,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด ที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการบริหารจัดการและควบคุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีกว่าเกณฑ์

 

ธุรกิจ Renewables+: ลงทุนในโครงการ BESS เพิ่มเติมอีก 2 แห่งในญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการ Aizu (ไอสึ) และโครงการ Tsuno (ซึโนะ) กำลังการผลิตรวม 208 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2571 ขณะที่โครงการ Iwate Tono กำลังการผลิต 58 เมกะวัตต์-ชั่วโมง มีความคืบหน้า 99% เตรียมเปิด COD ในไตรมาส 2 ปีนี้ และเดินหน้าธุรกิจขายไฟฟ้า Energy Trading ในญี่ปุ่น ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม โดยมีการซื้อขายทั้งหมด 2,816 กิกะวัตต์-ชั่วโมง

 

ล่าสุดในปี 2568 บ้านปู เน็กซ์ ซึ่ง BPP ถือหุ้นร้อยละ 50 ได้ร่วมกับโซลาร์บีเค บริษัทชั้นนำด้านพลังงานสะอาดในเวียดนาม จัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อให้บริการโซลาร์รูฟท็อปสำหรับกลุ่มธุรกิจเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมในเวียดนาม ตั้งเป้าเฟสแรก 390 เมกะวัตต์ 

 

“ด้วยพอร์ตธุรกิจที่มีความหลากหลายและกระจายตัวอย่างสมดุลผ่านการดำเนินธุรกิจเชิงรุกใน 8 ประเทศยุทธศาสตร์ทั่วโลก ทำให้ BPP มีความสามารถปรับตัวรับมือกับภาวะวิกฤติต่างๆ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในแต่ละประเทศเพื่อส่งมอบคุณค่าและผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม พร้อมก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้ผลิตพลังงานระดับโลก” นายอิศรา นิโรภาส กล่าว
ทิ้งท้าย

 

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ได้ขยายการลงทุนในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 โดยเริ่มจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และขยายสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าในปี 2565

 

การลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ:

• ปี 2558: บ้านปูเริ่มลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นการขยายฐานธุรกิจพลังงานในสหรัฐฯ ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

 

การขยายสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า:

• ปี 2565: บ้านปูเข้าสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าในสหรัฐฯ โดยเข้าซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติสองแห่ง คือ Temple I และ Temple II ในรัฐเท็กซัส

 

การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน:

• ปี 2567: บ้านปูเริ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ ด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ponder Solar ซึ่งมีกำหนดเริ่มดำเนินการในเดือนสิงหาคม 2567

 

การพัฒนาเทคโนโลยี CCUS:

• บ้านปูดำเนินโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS) ในสหรัฐฯ เช่น โครงการ Barnett Zero และ Cotton Cove เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่สะอาดขึ้น

 

กลยุทธ์ Energy Symphonics:

• ในปี 2567 บ้านปูประกาศกลยุทธ์ “Energy Symphonics” เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2573 โดยเน้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืนและการลงทุนในพลังงานสะอาด

 

การลงทุนอย่างต่อเนื่องของบ้านปูในสหรัฐฯ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจพลังงานที่หลากหลายและยั่งยืน