คลัง ดันร่างกฎหมาย"NaCGA" เข้าครม.มี.ค.นี้ ตั้งเป้าควบรวมบสย. ภายใน 1 ปี
เผ่าภูมิ เผยร่างพ.ร.บ.สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ(NaCGA) จ่อเข้าครม. มี.ค.นี้ คาดใช้เวลา 1 ปี ควบรวม บสย. มุ่งยกระดับการค้ำประกันเครดิต สร้างระบบนิเวศใหม่ให้ SME ไทยเข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น
กระทรวงการคลัง เดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างการค้ำประกันสินเชื่อของประเทศ ด้วยการจัดตั้ง “สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ” หรือ NaCGA (National Credit Guarantee Agency) ซึ่งกระทรวงการคลังปักธงให้ NaCGA ทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการช่วยให้ผู้ประกอบการ SME และบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกขึ้น หลังจากการปฎิเสธสินถือเป็นปัญหาสำคัญของไทยมานาน โดยมีแผนควบรวมบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สู่ NaCGA ภายในระยะเวลา 1 ปี
NaCGA คืออะไร ทำไมต้องควบรวม บสย.
NaCGA ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้ ร่างพระราชบัญญัติสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งผ่านการทำประชาพิจารณ์เรียบร้อยแล้ว และมีกำหนดเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนมีนาคมนี้ ก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกฤษฎีกาและสภาผู้แทนราษฎร คาดว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ภายในปลายปีนี้
การควบรวม บสย. เข้ากับ NaCGA เป็นแผนสำคัญเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการค้ำประกันสินเชื่อ และลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน โดยในช่วงแรก บสย. จะทำหน้าที่เป็นแกนกลางของ NaCGA ก่อนที่จะค่อยๆ ถ่ายโอน ทรัพย์สิน กำลังคน และหนี้สิน จะลดขนาดลงมาเรื่อยๆ มาสู่ NaCGA อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้ NaCGA กลายเป็นกลไกหลักในการค้ำประกันสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป
NaCGA ทำงานอย่างไร
NaCGA จะทำหน้าที่ ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตและค้ำประกันสินเชื่อ ให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าถึงแหล่งทุน โดยมีกระบวนการทำงานหลักดังนี้
- ผู้ขอสินเชื่อติดต่อ NaCGA เพื่อให้พิจารณาค้ำประกันเครดิต ก่อนนำไปยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
- NaCGA ประเมินความเสี่ยง ของผู้ขอสินเชื่อโดยใช้ Risk-Based Pricing ที่อ้างอิงจากฐานข้อมูลเครดิตและแบบจำลองความเสี่ยงที่พัฒนาโดย NaCGA
- ออก “ใบค้ำประกันเครดิต” โดยคิดค่าธรรมเนียมที่ต่ำ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและสถาบันการเงินผู้ขอ
- สินเชื่อนำใบค้ำประกันเครดิตไปยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน
- สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ขอสินเชื่อ โดยมี NaCGA รับประกันความเสี่ยงแทนบางส่วนหรือทั้งหมด
- หากผู้ขอสินเชื่อผิดนัดชำระ NaCGA จะรับผิดชอบความเสียหายตามเงื่อนไข
ฐานข้อมูล NaCGA และการบริหารความเสี่ยง
เพื่อให้การประเมินความเสี่ยงมีความแม่นยำ NaCGA จะได้รับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), กรมสรรพากร, บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ฯลฯ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์ผ่านระบบ Credit Risk Model ซึ่งช่วยให้สามารถกำหนดค่าธรรมเนียมและระดับความเสี่ยงของผู้กู้ได้อย่างเหมาะสม
NaCGA: หน่วยงานรัฐที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ
NaCGA จะถูกจัดตั้งขึ้นเป็น หน่วยงานของรัฐ แต่ ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ โดยจะบริหารจัดการภายใต้คณะกรรมการหลัก 2 ชุด ได้แก่
- คณะกรรมการกำกับนโยบาย มี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและทิศทางของ NaCGA
- คณะกรรมการกำกับดูแลการดำเนินงาน ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชี กฎหมาย เทคโนโลยี สถิติ และตลาดทุน ทำหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานของ NaCGA
แหล่งเงินทุนของ NaCGA
NaCGA จะได้รับเงินทุนจากหลายแหล่ง ได้แก่
- เงินอุดหนุนจากรัฐบาล
- ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจากผู้ประกอบการ
- เงินสมทบจากธนาคารพาณิชย์และ Non-Bank ที่ใช้บริการ NaCGA
- ผลกระทบของ NaCGA ต่อระบบสินเชื่อไทย
การจัดตั้ง NaCGA ไม่ใช่เพียงแค่การควบรวม บสย. แต่เป็นการ พลิกโฉมระบบสินเชื่อของประเทศ โดยคาดว่าจะช่วยให้SME และธุรกิจรายย่อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ลดอุปสรรคในการขอสินเชื่อของผู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มอำนาจต่อรองของผู้กู้กับสถาบันการเงินสร้างกลไกที่ช่วยให้ Non-Bank และตลาดหุ้นกู้สามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้นแม้แต่ ผู้ที่มีประวัติหนี้เสีย ก็สามารถเข้าขอค้ำประกันสินเชื่อใหม่จาก NaCGA ได้ แม้ว่าค่าธรรมเนียมอาจสูงขึ้นตามระดับความเสี่ยง
NaCGA: จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของระบบการเงินไทย
การเกิดขึ้นของ NaCGA ถือเป็น ก้าวสำคัญในการปฏิรูปสินเชื่อไทย โดยสร้างระบบนิเวศใหม่ที่เอื้อต่อผู้ประกอบการ SME มากขึ้น คาดว่าในระยะยาว จะช่วย ลดช่องว่างทางการเงิน และสนับสนุนการเติบโตของภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นฟันเฟืองหลักของเศรษฐกิจไทย


