เปิดฉากทัศน์ ก.ล.ต. หวังประเทศ-เศรษฐกิจ-เอกชนไทย แข่งขันได้อย่างยั่งยืน

รศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยงานในงานสัมมนา “Chula Thailand Presidents Summit 2025” หัวข้อ Future Thailand : Sustainability and Well-Being” ที่จัดขึ้นโดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า Sustainability คือ การที่เราสามารถรักษาอัตราการเติบโต หรือรักษาอัตรากําไรของภาคเอกชน โดยรวมคือการที่เราสามารถอยู่ได้ในลักษณะแบบนี้ต่อเนื่องไปในระยะยาว ส่วน Well-Being คือ จุดที่เรารู้สึกมีความสุข รู้สึกว่าเราสามารถที่จะอยู่ในสภาวะแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ 

ดังนั้นฉากทัศน์ของ Sustainability และ Well-Being ที่ต้องการจะเห็นภาคเอกชน ภาครัฐ หน่วยงานที่ดูแลนโยบายสาธารณะ มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในเชิงของเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อม 

“เชื่อว่าเรามีเป้าหมายเดียวกัน คือทํายังไงเราถึงจะอยู่ได้ในสภาวะที่เรามีความสุข อยู่ได้ในระยะยาว ซึ่งฉากทัศน์แบบนี้จึงเป็นความท้าทายมากๆ เลย เราต้องพูดกันในเรื่องของระยะเวลา เช่น จะยั่งยืนอยู่กี่ปี ปีนี้กําไร ปีหน้ากําไรจะเป็นยังไง ปีนี้อัตราการเติบโตของจีดีพีเป็นแบบนี้ ปีหน้าจะเติบโตอีกเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเราอยู่ในสังคมเดียวกัน ตัวเลขนี้มันต้องเป็นตัวเลขที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง คือ ประชาชนโดยส่วนใหญ่ก็ต้องได้ประโยชน์กับตัวเลขตรงนี้” รศ.ดร.พรอนงค์ กล่าว 

สำหรับฉากทัศของประเทศไทย คือ สิ่งที่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน ไม่ได้ทําเรื่อง Sustainability เพราะเป็นเรื่องที่ ก.ล.ต. อยากเห็น หรือทําเพราะว่ามีกฎระเบียบ หรือกฎหมายบังคับให้ต้องทำ แต่อยากให้คิในเชิงกลยุทธ์ว่าการทำเรื่อง Sustainability คือทำเพราะ WIN-WIN ทําแล้วทุกคนจะอยู่ได้ 

“ฉากทัศน์ของประเทศไทย คือฉากทัศน์ที่ทุกส่วนต้องร่วมมือกัน มองเห็นในเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งเป้าหมาย คือ ทํายังไงประเทศไทย ระบบเศรษฐกิจไทย ภาคเอกชนไทย จะแข็งแรง ดํารงความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน และท้ายที่สุดเราทําเพื่อประชาชน” รศ.ดร.พรอนงค์ กล่าว

ส่วนความท้าทายหลักของการทำ Sustainability และ Well-Being คือ 1.จะต้องมีดาต้า ไม่ว่าจะเป็นประชาชน องค์กร หรือหน่วยงานกำกับดูแลนโยบายสาธารณะ เพื่อกำหนดทิศทางต่างๆ เช่น สํานักงาน ก.ล.ต. เวลาจะออกนโยบาย จะทําด้วยการยึดดาต้าหรือวิจัยที่กําลังบ่งบอกว่าอันนี้คือประเด็นที่เป็นความเสี่ยง 

2.จะต้องมีการปรับตัว ตั้งแต่ Mindset และกระบวนการทํางานทางธุรกิจ ปรับวิธีการดําเนินกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงต้องมีการปรับใจด้วย เพราะเป้าหมายบางอย่างต้องอาศัยระยะเวลา 

ในส่วนของสํานักงาน ก.ล.ต. มีการแถลงทิศทางและบทบาทของ ก.ล.ต. 3 ทิศทาง ประกอบด้วย

1.ใช้กลไกในตลาดทุนในการขับเคลื่อนความยั่งยืน เช่น บริษัทขนาดใหญ่ ทําได้ดีแล้วในประเด็น ESG ซึ่งจะทำอย่างไรให้บริษัทเหล่านี้ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนสีเขียวจากต่างประเทศ ปัจจุบันกองทุนไม่ได้มองแค่เรื่องของผลตอบแทนอย่างเดียว แต่มองว่าบริษัทที่จะเข้าลงทุนได้ทำอะไรเพื่อเกี่ยวกับการรักษ์โลกหรือไม่ด้วย ดังนั้นสำนักงาน ก.ล.ต. จะเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานสากล ซึ่งในปลายปี 2567 ได้เปิด Thai ESG Fund ซื้อกองทุนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 

2.สํานักงาน ก.ล.ต.ทําให้ประชาชนคนไทยสามารถใช้ประโยชน์ทางตรงและทางอ้อมจากตลาดทุนได้ ได้ประโยชน์กับการลงทุน โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ร่วมกับ กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างศึกษา Individual Investment Account โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลการศึกษา หวังเห็นผลในระยะยาว 

3.บทบาทของ Digital Economy อยากเห็นภาคธุรกิจใช้ดิจิทัทเพื่อลดต้นทุน