อบาคัสดิจิทัล ชี้ ’AI ลดความเหลื่อมล้ำ‘ แก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจ
‘อบาคัส ดิจิทัล’ ชี้ 3 ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีแต่ ‘เหลื่อมล้ำ’ แนะใช้ AI และเทคโนโลยีแก้ปัญหาอย่างไรถึงเกิดผล
ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด กล่าวในงานสัมนา GO THAILAND 2025 หัวข้อเรื่อง “Tech for inclusive growth : AI แก้ความเหลื่อมล้ำ โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ทำให้ประเทศไทยเหลื่อมล้ำ มี 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่
1. ประสิทธิภาพการผลิตของตกต่ำ โดยศักยภาพการผลิต ณ วันนี้ต่ำกว่า 7 ปีที่แล้ว
ขณะที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ส่วนใหญ่ลงทุนด้านแรงงานมากกว่าด้านเทคโนโลยี ส่วนธุรกิจใหญ่มีต้นทุนในการลงทุนเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อขยายศักยภาพของธุรกิจ ฉะนั้น ความมั่งคั่งจึงยิ่งกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มนายทุนเพียงหยิบมือเดียว
2. ศักยภาพและทักษะของแรงงาน ไม่ตอบโจทย์การจ้างงานอีกต่อไป โดยตัวเลขที่เห็นได้ชัด คือ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว คนจบปริญญาตรี เทียบกับคนที่จบมัธยมปลาย จะมีรายได้สูงกว่าผู้ที่จบมัธยมปลาย 3 เท่า ขณะที่ปัจจุบันตัวเลขลดลง อยู่ต่ำกว่า 2% สวนทางกับประชาคมโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ
3. การเข้าถึงโอกาสทางด้านการเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า 45% ของเศรษฐกิจไทยอยู่นอกระบบ คือ ธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถมองเห็นรายได้เกือบครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจ ฉะนั้น กลุ่มคนทำงานที่มีรายได้เป็นเงินสดแทบไม่มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบ และหันไปพึ่งหาหนี้นอกระบบ
ทั้งนี้ พบว่า 42% ของครัวเรือนไทยยังต้องกู้หนี้นอกระบบอยู่ ซึ่งขนาดหนี้นอกระบบของเมืองไทยมีอยู่ตั้งแต่ 80,000 ล้านบาท จนถึง 2 ล้านล้านบาท ฉะนั้น โอกาสในการเข้าถึงหนี้ในระบบได้จะเป็นตัวช่วยปลดล็อคปัญหาสังคมอื่นๆ ด้วย
ความหวังเมื่อ 'ดิจิทัล' สยบ ความเหลื่อมล้ำ
ดร.สุทธาภา ยังกล่าวถึงความหวังในการพลิกความเหลื่อมล้ำของโครงสร้างเศรษฐกิจไทยว่า วันนี้เริ่มมีความหวัง เพราะเทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยตอบโจทย์แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างจริงจัง โดยศักยภาพของเอสเอ็มอีสามารถนำเอไอมาใช้ได้
ขณะที่การเพิ่มทักษะแรงงาน การรีสกิล อัพสกิล สามารถเข้าไปในแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้หาความรู้แบบออนไลน์
ส่วนโอกาสทางการเงินนั้น พิสูจน์แล้วว่า แพลตฟอร์มดิจิทัล สามารถช่วยนำคนจากนอกระบบเข้ามากู้เงินในระบบได้อย่างมีนัยยะสำคัญ จากเดิมธนาคารอาจจะใช้ตัวแปร 20-25 ตัว แต่ขณะนี้ใช้ข้อมูลในการปล่อยกู้ประกอบ 1,000-2,000 ตัว จากเดิมใช้ระยะเวลาในการอนุมัติ 1 สัปดาห์ในการปล่อยสินเชื่อ และตอนนี้เพียง 2 นาทีก็สามารถอนุมัติสินเชื่อได้แล้ว
“เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถลดปัญหาเชิงโครงสร้างได้ แต่ใช่ว่าเทคโนโลยีทุกอย่างจะนำมาแชร์กัน และทุกคนจะได้ประโยชน์ทุกกลุ่มในสังคม เราพบว่า จริงแล้วเทคโนโลยีที่โตก้าวกระโดดอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำอีกด้านหนึ่ง เช่น ผู้ที่มีความรู้ไม่เพียงพอ ไม่เข้าใจ อาจจะเป็นกลุ่มคนที่ถูกผลักออกไป”
ทั้งนี้ ภาครัฐจำเป็นจะต้องชัดเจนด้านนโยบาย และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่เข้าถึงได้ และมีต้นทุนราคาถูก รวมไปถึงการแข่งขันที่เป็นธรรม


