posttoday

วิธีใช้อนุพันธ์ลดเสี่ยง

27 มกราคม 2554

ดัชนีหุ้นปรับฐานแนะผู้ลงทุนถือบลูชิปไม่ควรขาย เก็บรอเงินปันผล ให้ชอร์ตฟิวเจอร์สเพื่อปิดความเสี่ยงแทน

ดัชนีหุ้นปรับฐานแนะผู้ลงทุนถือบลูชิปไม่ควรขาย เก็บรอเงินปันผล ให้ชอร์ตฟิวเจอร์สเพื่อปิดความเสี่ยงแทน

น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ KEST กล่าวในงานสัมมนา ภาพรวมตลาด+เจาะลูกทิศทาง SET50 Index Futures+Option ว่า หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน ประเมินระดับดัชนีที่รับได้บริเวณ 913950 จุด หากดัชนีลงมาแตะ 913 จุด แนะนำให้เข้าไปรับซื้อ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายเงินทุนของต่างชาติต้องไหลกลับเข้ามาลงทุน

ตลาดหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง การที่ดัชนีปรับตัวลดลงทำให้ราคาหุ้นถูกลง โดยมีสัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (พีอี) ที่ 11 เท่า ขณะที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในระดับที่สูงที่ 4%

นางสุนทรี เกียรติพงษ์ถาวรผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีซีมิโก้ ได้ให้คำแนะนำว่านักลงทุนที่ถือหุ้นพื้นฐานดี (บลูชิป) แนะนำว่าไม่ควรขายหุ้นออก โดยให้ถือเพื่อรอเงินปันผล

ขณะเดียวกันให้เข้าไปขายล่วงหน้า (ชอร์ต) ใน SET 50 Index Futures แทน เพื่อนำกำไรที่ได้ปิดความเสี่ยงจากการถือหุ้น

สำหรับการขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติประมาณ 3 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปี ขณะเดียวกันได้ขายล่วงหน้า (ชอร์ต) ใน SET 50 Index Futures ประมาณ 1 หมื่นสัญญา และนักลงทุนสถาบันชอร์ตด้วยจำนวน 1.8 หมื่นสัญญาเช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนสถาบันเหล่านี้ต่างใช้ฟิวเจอร์สเพื่อปิดความเสี่ยงของหุ้นที่ถืออยู่ในมือ

ในช่วงที่ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงแรง ยอมรับว่ามีลูกค้าบางรายต้องถูกเรียกให้วางเงินประกันเพิ่มในสัญญาฟิวเจอร์ส และบางรายติดต่อไม่ได้ อาจถึงกับบังคับขาย (ฟอร์ซเซล) แต่ไม่ได้มีจำนวนมาก

นายปริทรรศน์ เหลืองอุทัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอเซียไรซิ่ง กล่าวว่า เงินต่างชาติขายหุ้นไทยยังไม่ไหลออกยังอยู่ในตลาดพันธบัตร หากมีการไหลออกไปบ้างก็ไม่มาก เพราะทางยุโรปและสหรัฐอเมริกายังมีปัญหาทางเศรษฐกิจและปัญหาหนี้สาธารณะที่สูง จึงทำให้ค่าเงินจะด้อยค่าทำให้เงินยังคงอยู่ในเอเชีย

ด้านดัชนีหุ้นวันที่ 26 ม.ค. ปิดตลาดที่ระดับ 978.07 จุด เพิ่มขึ้น 18.90 จุด หรือ 1.97% มูลค่าการซื้อขาย 34,594 ล้านบาท ต่างชาติซื้อ 396 ล้านบาท สถาบันขายหนักต่อ 1,058 ล้านบาท หลังเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าปิดที่ 30.82 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยจุดสนใจอยู่ที่ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันที่ 26 ม.ค.นี้

นายสมชาย เอนกทวีผลผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นยังมีโอกาสฟื้นตัวต่อ เพราะราคาหุ้นหลายตัวได้ปรับตัวลงลึก สร้างความน่าสนใจลงทุนและหลายบริษัทประกาศกำไรปี 2553 ออกมาดี

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเป็นการฟื้นตัวในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังกลัวปัญหาเงินเฟ้อทำให้ระยะกลางมีโอกาสปรับฐาน มองแนวรับระดับ 960-970 จุด และแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1,000 จุด

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ตามแผนพัฒนาตลาดทุนของกระทรวงการคลัง ทาง สคร. ได้รับหมายให้นำหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่คลังและหน่วยงานภาครัฐถือเกินกว่าที่กำหนดไว้ไปขายในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นการซื้อขายหุ้น แต่ไม่ได้เป็นการสร้างราคา

นายสมชัย ยกตัวอย่างว่า กรณีของบริษัท อสมท (MCOT) มติคณะรัฐมนตรี ให้ภาครัฐถือหุ้นไว้ไม่น้อยกว่า 70% ซึ่งปัจจุบันภาครัฐถืออยู่ 77% ก็มีหุ้นประมาณ 6% ที่จะนำไปขายในตลาดหลักทรัพย์

“แต่ละแห่งมีจำนวนที่ขายได้ไม่เท่ากัน ต้องพิจารณาว่าการขายหุ้นต้องไม่กระทบกับภาพรวมของตลาด เพราะรัฐวิสาหกิจบางแห่งมีหุ้นที่ถือเกินอยู่จำนวนมาก โดยจะเสนอข้อมูลให้ รมว.คลัง พิจารณาในเดือน ก.พ.นี้” 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025