posttoday

คลัง เล็งใช้กองทุนเดิม ตั้งกองทุนวายุภักษ์3

01 กรกฎาคม 2567

กระทรวงการคลัง เผยไม่เกิน 2 เดือน เตรียมคลอดกองทุนวายุภักษ์3 วงเงินไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เล็งใช้กองทุนเดิมเพราะทำได้เร็วกว่า หวังกระตุ้นตลาดหุ้นไทยช่วงสิ้นปี

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อยู่ระหว่างการทำรายละเอียดกองทุนวายุภักษ์ 3 วงเงินไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าอีกไม่เกิน 2 เดือนจากนี้จะสามารถจัดตั้งกองทุนได้ และสามารถดำเนินการกระตุ้นตลาดหุ้นไทยได้ทันที

 

สำหรับรูปแบบกองทุนวายุภักษ์ จะตั้งเป็นกองทุนใหม่ หรือ ไปใช้กองทุนวายุภักษ์ 1 หรือ 2 ไม่มีความแตกต่างกัน เป้าหมายสำคัญคืออะไรทำได้เร็วกว่าก็จะใช้วิธีนั้น ซึ่งจะช่วยดันเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้เร็วขึ้น

 

"ตอนนี้อยู่ระหว่าง สคร.พิจารณา จะใช้กองเก่าหรือกองใหม่ไม่ใช่ประเด็น อันไหนทำได้เร็วกว่าก็ใช้อันนี้ วันนี้มองว่าใช้กองทุนเดิมน่าจะเร็วกว่า เพราะการตั้งกองทุนใหม่จะมีเรื่องของกฎระเบียนทำให้มีความล่าช้า ทั้งนี้กองทุนใหม่ ที่เราจะใส่เข้าไปกว่า 1 แสนล้านบาท เมื่อรวมกับกองทุนวายุภักษ์เดิม ที่มีมูลค่ากว่า 3.4 แสนล้านบาท จะทำให้สภาพคล่องของตลาดทุนไทยสูงกว่า 5 แสนล้านบาท  " นายลวรณ กล่าว


ปัจจุบันคลัง มีการกระตุ้นตลาดหุ้นผ่านกองทุน Thai ESG ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดการซื้อในช่วงใกล้สิ้นปี เพื่อใช้หักลดหย่อนภาษี จึงเกิดแรงซื้อในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ จึงจำเป็นต้องมีกองทุนวายุภักษ์เข้าไปเสริม เพื่อเติมเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาดทุน สำหรัลการปรับปรุงเงื่อนไขกองทุน Thai ESG จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.ภายใน 2 สัปดาห์นี้

 

สำหรับข้อเสนอ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เสนอให้ลดเงื่อนไขกองทุน Thai ESG เป็นการหารือกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ผ่านมา ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาว่าคุ้มค่ากับเม็ดเงินภาษีหรือไม่ ซึ่งวันนี้เป็นโอกาสของการพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องการเติมเงินผ่านกองทุนวายุภักษ์3 หรือการให้สิทธิประโยชน์ภาษีลงทุนเพิ่มเติมเพียงอย่างเดียว แต่มีการทำงานรวมกัน ทั้ง ก.ล.ต. และ ตลท. ที่ได้มีการทยอยมาตรการออกมาเรียกความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทย ให้นักลงทุนเชื่อมั่นกลับมาลงทุนได้อย่างมั่นใจ
 

ส่วนเรื่องการบริหารจัดการพอร์ตหุ้นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือ เพื่อนำไปสู่การพิจารณาขายหุ้นที่ไม่ทำกำไรนั้น การได้มาของหุ้นรัฐวิสาหกิจมีหลายวิธี คือ 1.กระทรวงการคลังเป็นเจ้าของหุ้นตัวนั้นตั้งแต่แรก 2.ได้หุ้นมาจากการล้มละลายในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง และ 3.ได้หุ้นจากผลการกระทำผิดกฎหมายของ ปปง.ทำให้เกิดการดำเนินคดี ถูกยึดทรัพย์และตกเป็นของแผ่นดินถูกส่งเข้ากระทรวงการคลัง ซึ่งได้มอบนโยบายให้ สคร.จัดความสำคัญ คือ 1.เป็นหุ้นที่มีความสำคัญเชิงนโยบายหรือไม่ 2.เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเชิงปันผลและมีรายได้ที่ดีรือไม่ และ3.การถือหุ้นของกระทรวงการคลังจะมีสิทธิ์และเสียงในการชี้นำแนวนโยบายหุ้นตัวนั้นได้หรือไม่ได้ ต้องมาคัดหุ้นดูว่าเหลืออะไรบ้าง ถ้าเป็นเศษหุ้นที่ถือเพียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการบริหาร เช่น หุ้นที่ได้มาโดยยึดทรัพย์ก็ให้พิจารณาขายออก 


 

สำหรับปัจจัยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ จะต้องเร่งรัดงบประมาณปี 2567 ออกสู่ระบบโดยเร็วที่สุด จึงได้เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลการการจัดเก็บภาษีรายได้จากเป้าหมาย 2.78 ล้านล้านบาท แม้กรมจัดเก็บภาษียังมีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 2.6 หมื่นล้านบาท มองว่าในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ 3 เดือน จะครบกำหนดงบปี 2567 มองว่าทุกหน่วยงานร่วมมือกัน จะทำได้ตามเป้าหมาย รวมถึงการดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 เพื่ออัดฉีดเงินออกสู่ออกสู่ระบบ  หลังจากภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุน ปี 2567 จำนวน 8.5 แสนล้านบาท ในไตรมาส 3 ของปีงบ 67 (เม.ย.-มิ.ย.) โดยต้องเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 21% ปัจจุบัน เบิกจ่ายไปแล้ว 38.6%


 

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน