posttoday

55 ปี กฟผ. ย้อนภารกิจต่อสู้วิกฤตราคาพลังงาน นำความเชี่ยวชาญเสริมแกร่งเอกชน

01 พฤษภาคม 2567

กฟผ.พาย้อนก้าวแรกบนเส้นทางภารกิจ นับตั้งแต่ การไฟฟ้ายันฮี การไฟฟ้าตะวันออกเฉียงเหนือ และการลิกไนท์ รวมกันเป็น “การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย” เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2512 สู่ บทบาท “ผู้ดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ”

ย้อนไปเมื่อ 55 ปี ที่ผ่านมา ภารกิจอันสำคัญยิ่งนับตั้งแต่การไฟฟ้ายันฮี การไฟฟ้าตะวันออกเฉียงเหนือ และการลิกไนท์ รวมกันเป็น “การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย” เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2512 คือ บทบาท “ผู้ดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ” โดยเร่งรัดพัฒนาแหล่งผลิตไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาค ผสมผสานทั้งไฟฟ้าพลังน้ำ และพลังความร้อน ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ด้วยกำลังการผลิตติดตั้งเริ่มต้นเพียง 908 เมกะวัตต์ จวบจนปัจจุบัน กฟผ. มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 16,261 เมกะวัตต์ คิดเป็น 32.75% ของกำลังผลิตตามสัญญาทั้งหมดของประเทศ 

55 ปี กฟผ. ย้อนภารกิจต่อสู้วิกฤตราคาพลังงาน นำความเชี่ยวชาญเสริมแกร่งเอกชน

และพัฒนาโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าเชื่อมโยงทั่วถึงทั้งประเทศกว่า 39,000 วงจร-กิโลเมตร และสถานีไฟฟ้าแรงสูงรวม 237 สถานี พร้อมปูทางมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในอนาคตและรองรับการพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สู้วิกฤตพลังงาน รับภาระค่าเชื้อเพลิงบางส่วนแทนประชาชน

ทุกครั้งที่ประเทศไทยต้องเผชิญวิกฤตนับตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กฟผ. ถือเป็นหนึ่งกลไกสำคัญของรัฐที่ช่วยบรรเทาวิกฤตและขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตั้งแต่วิกฤตราคาน้ำมันในปี 2516 และ 2522 กฟผ. จึงเสาะแสวงหาแหล่งพลังงานอื่น ๆ และเป็นผู้นำในการเจรจาขอรับซื้อก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบในอ่าวไทยเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในยุคต่อมา

เช่นเดียวกับในช่วงปี 2565 ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตราคาพลังงานจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน กฟผ. ได้ร่วมฝ่าฟันวิกฤตพลังงานนำเชื้อเพลิงต้นทุนต่ำมาผลิตไฟฟ้า โดยปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4 ที่ปลดออกจากระบบเมื่อปี 2562 ให้กลับมาเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้อีกครั้ง รวมทั้งเลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 ออกไป เพื่อลดการนำเข้าเชื้อเพลิง LNG ราคาแพงจากต่างประเทศ และรับภาระค่าเชื้อเพลิงบางส่วนแทนประชาชนไปก่อนตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน

55 ปี กฟผ. ย้อนภารกิจต่อสู้วิกฤตราคาพลังงาน นำความเชี่ยวชาญเสริมแกร่งเอกชน

นอกจากนี้ กฟผ. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เป็นกลไกดำเนินธุรกิจแทนรัฐ โดยนำส่งกำไรเป็นรายได้ของรัฐเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ และรักษาเสถียรภาพด้านการเงินการคลังของประเทศ รวมถึงสนองนโยบายต่าง ๆ ของรัฐ อาทิ การเป็นผู้นำเข้า LNG รายที่ 2 ของประเทศ เพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าตามนโยบายการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติ ตลอดจนการร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลงทุนโครงการ LNG Receiving Terminal หนองแฟบ จ.ระยอง เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงาน และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย LNG ในภูมิภาคอาเซียน 

เส้นทางแห่งความเชี่ยวชาญ สู่การเสริมแกร่งธุรกิจพลังงาน 

เมื่อโครงสร้างระบบไฟฟ้าของประเทศปรับเปลี่ยน ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนเข้ามามีบทบาทในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ กฟผ. จะนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน ทั้งงานเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) โรงไฟฟ้าหลากหลายประเภทมาช่วยพัฒนาและเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับโรงไฟฟ้าพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าเอกชนในประเทศและต่างประเทศ ผ่านงานบริการ O&M เพื่อให้ทุก ๆ โรงไฟฟ้าผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเดินเครื่องได้ต่อเนื่อง ทำให้ระบบไฟฟ้าของประเทศมีความมั่นคง เพียงพอ และมีเสถียรภาพมากขึ้น สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนให้กับภาคธุรกิจ ทำให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

55 ปี กฟผ. ย้อนภารกิจต่อสู้วิกฤตราคาพลังงาน นำความเชี่ยวชาญเสริมแกร่งเอกชน

นับจากนี้ กฟผ.ยังคงยึดมั่นทำหน้าที่ “ผู้ดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ” อย่างต่อเนื่อง