posttoday

จับตาสงครามเดือดดันราคาทองสัปดาห์นี้ทั้งไทยและโลกพุ่งสู่ All-Time High

25 มีนาคม 2567

ฮั่วเซ่งเฮงให้จับตาสงคราม 2 คู่ ทั้ง อิสราเอล-ฮามาส และรัสเซีย-ยูเครน เดือดอีก ดันราคาทองสัปดาห์นี้ทั้งไทยและโลก พุ่งสู่ All-Time High ใหม่อีกได้ แต่คาดว่า spot จะอยู่ที่ 2,130-2,195 ดอลลาร์

ฮั่วเซ่งเฮงให้มุมมองราคาทองสัปดาห์นี้ว่า หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นจากทั้งสงครามอิสราเอล-ฮา อาจยังหนุนราคาทองคำอยู่ และจะเกิดการปรับฐานไม่ลึกมากนัก สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  2,150 ดอลลาร์ และ 2,130 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,180 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,195 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 37,200 บาท และ 37,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 37,500 บาท และ 37,650 บาท

อย่างไรก็ตาม แม้มีสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองรายวันจะเห็นการปรับตัวลง จาก MACD ที่เส้น MACD ตัดเส้น Signal ลงมา และ Modified Stochastic ที่ %K ตัด %D ลงมาเช่นกัน แต่คาดว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้น ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำจะปรับลงสู่แนวรับ 2,150 ดอลลาร์ หากหลุดแนวรับดังกล่าวมีโอกาสที่ปรับตัวลงต่อสู่แนวรับ 2,130 ดอลลาร์ ซึ่งแนวรับนี้ยังเป็นแนวรับที่สามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ spot และราคาทองไทยปรับตัวขึ้นสู่ All-Time High รอบใหม่ นับว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของทองคำ ราคาทองคำ spot ได้ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time High) ที่ 2,222 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเกิดแรงเทขายออกมาในช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่ง ณ ตอนนี้ราคาทองคำให้ผลตอบแทนกว่า 4.9% ในปีนี้

แต่ราคาทองคำแท่งในประเทศกลับร้อนแรงยิ่งกว่า ได้ขึ้นสู่ระดับ All-Time High ที่ 37,650 บาท ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นกว่า 16 ครั้งในปีนี้ และให้ผลตอบแทนกว่า 10.99% เพียงใช้เวลาผ่านไปแค่ 3 เดือนเท่านั้น นับว่าปีนี้ หากมีการเข้าซื้อทองคำแท่งโดยตรงจะได้รับผลตอบแทนมากกว่าการซื้อกองทุนรวมทองคำ

ทั้งนี้ปัจจัยหนุนราคาทองคำ ยังมาจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลดลงของสหรัฐ หลังจากเฟดยืนยันลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ตลาดคาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. เป็นครั้งแรก ซึ่งเหลือเพียงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ขณะที่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่คาดว่าจะหนุนราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้แก่ แรงซื้อทองคำของธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะจีน ความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐในปีนี้ และความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส และสงครามรัสเซีย-ยูเครน

จับตาสงคราม 2 คู่ร้อนระอุขึ้น
สำหรับสงครามอิสราเอล-ฮามาส ที่อิสราเอลยังคงเน้นย้ำว่าอิสราเอลจะโจมตีกลุ่มฮามาส ซึ่งรวมถึงเมืองราฟาห์ และรัฐบาลก็ได้อนุมัติต่อแผนในการใช้ปฎิบัติการครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว แม้จะมีคำเตือนจากสหรัฐ แต่อิสราเอลเมินคำเตือนสหรัฐ และเน้นย้ำว่ากองทัพอิสราเอลจะบุกโจมตีเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา และทำลายกลุ่มฮามาสในท้ายที่สุด “แม้ว่าทั้งโลกรวมถึงสหรัฐ จะเป็นศัตรูกับอิสราเอลก็ตาม” ส่งผลด้านมนุษยธรรม ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจหนุนแรงซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่

ส่วนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งการเลือกตั้งรัสเซียพึ่งผ่านไป ผลการเลือกตั้ง ยังคงเป็นประธานาธิบดีปูตินที่มีคะแนนถล่มทลายกว่า 88% ตัวเลขตรงนี้สะท้อนถึงคนรัสเซียยังหนุนปูติน โดยเฉพาะเรื่องสงคราม ล่าสุดปูติน ได้ขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากนาโต ส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครน ซึ่งหากเมื่อใดมีการเกิดยิงนิวเคลียร์จากรัสเซียขึ้นมา จะดันราคาทองคำขึ้นแรง ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยถึงการผลิตกระสุนปืนใหญ่เพิ่มขึ้นเกือบ 2.5 เท่าในปี 2566 โดยมีการผลิตส่วนประกอบปืนใหญ่ได้เพิ่มขึ้นถึง 22 เท่า และแหล่งข่าวยังเผยอีกว่ารัสเซียผลิตกระสุนปืนใหญ่ได้มากกว่าสหรัฐและยุโรปรวมกันเกือบ 3 เท่า

เหตุการณ์ข้างต้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัสเซียในการเร่งจัดหาอาวุธ ให้เร็วกว่าที่ชาติตะวันตกจัดหาให้ยูเครนได้ ทำให้ชาติตะวันตกกังวลว่า รัสเซียจะมีความได้เปรียบในการเอาชนะในสงครามได้มากขึ้น รวมถึงสหรัฐและยุโรปซึ่งสภานิติบัญญัติเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการ “อุ้มยูเครน” จนสั่นสะเทือนสถานะการคลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่หลายประเทศกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง

สำหรับผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 25 – 29 มี.ค.67 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ พบว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 6 ราย หรือเทียบเป็น 43% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 5 ราย หรือเทียบเป็น 36% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 338 ราย ในจำนวนนี้มี 191 ราย หรือเทียบเป็น 57% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์นี้จะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 106 ราย หรือเทียบเป็น 31% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 41 ราย หรือเทียบเป็น 12% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ราคาทองคำ

ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 36,600 – 37,650 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 37,350 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 650 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 36,700 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. สถานการณ์ในตะวันออกกลาง จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐฯ เสนอร่างมติต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดยิงในฉนวนกาซา ซึ่งหากการเจรจาสันติภาพประสบผลสำเร็จจะทำให้กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนยอมปล่อยให้เรือบรรทุกน้ำมันเดินเรือผ่านทะเลแดง

2. ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน มีกำหนดพบกับบรรดาผู้นำในภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมประจำปี ณ กรุงปักกิ่ง ทั้งนี้ ผู้นำจีนพยายามโน้มน้าวให้บริษัทต่างชาติเข้าร่วมการลงทุนภายในจีน หลังยอดลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี

3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายจีดีพี ไตรมาส 4/2566 ของสหรัฐฯ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะสะท้อนสภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ชัดเจนขึ้น ส่งผลต่อคาดการณ์ว่า FED จะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

จับตาสงครามเดือดดันราคาทองสัปดาห์นี้ทั้งไทยและโลกพุ่งสู่ All-Time High