สปก.เตรียมศึกษาออกโฉนดที่ดินเขตสปก.
สปก.เตรียมศึกษาออกโฉนดที่ดินในเขตสปก. หลังมีความเห็นต่าง
สปก.เตรียมศึกษาออกโฉนดที่ดินในเขตสปก. หลังมีความเห็นต่าง
นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก.) เปิดเผยว่าสปก. ได้เตรียมจ้างสถาบันการศึกษา ทำการศึกษาเรื่องการออกโฉนดในที่ดิน ของสปก.ว่าสมควรที่จะมีการดำเนินการหรือไม่ เนื่องจากยังมีความเห็นต่างกันบางส่วนต้องการให้มีการออกโฉนดแต่บางส่วนไม่ต้องการให้ออกโฉนด เพราะฉะนั้นเห็นว่าควรจะมีหน่วยงานทางวิชาการศึกษาเรื่องนี้ รวมถึงให้ศึกษาด้วยว่า ร่วมทั้งศึกษาด้วยหากสปก.จะต้องจำหน่ายให้เกษตรกร ควรจะเป็นราคาราเท่าไหร่ การรับซื้อคืนกรณีไม่ประสงค์ทำการเกษตรต่อไปจะรับซื้ออย่างไร ร่วมทั้งการบังคับคดี เพื่อนำผลการศึกษามาพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ สปก.ยังได้สั่งการให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด(คปจ.) จัดทำฐานข้อมูลพื้นที่สปก.ทั่วประเทศประมาณ 4 ล้านไร่ที่ยังไม่สามารถออกเอกสารสิทธิสปก. 4-01 ได้ว่าตัวเลขที่แท้จริงสปก.เหลือพื้นที่ที่ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการปฏิรูปได้เท่าไหร่และจากปัญหาใด เพื่อเสนอฝ่ายนโยบายในการแก้ไขต่อไป เนื่องจากที่ดินสปก.บางส่วนเป็นถนน เป็นสถานที่ราชการ และบางส่วนยังอยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกับกรมป่าไม้ในการการกันพื้นที่คืนกรมป่าไม้กรณีที่ไม่เหมาะกับการปฏิรูปได้ตามข้อตกลงเดิมกับกรมป่าไม้หลังได้รับมอบที่ดินมามาตั้งแต่ปี 2536 ส่วนที่ให้สปก.4-01 ไปแล้วนั้นก็ไปตรวจสอบการว่ามีการทำกินจริงหรือไม่ และจัดให้เกษตรกรถูกคนหรือไม่ หรือมีการขายสิทธิต่อหรือไม่ ใช้เวลาในการสำรวจ 1 เดือนซึ่งผลการประชุมจะรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป
“ได้สั่งการให้ปฏิรูปที่ดินจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งหมดเพื่อนำข้อมูลมาจำแนกว่าที่ดินที่จัดไม่ได้เพราะอะไร เป็นสถานที่ราชการ หรือนายทุนรายใหญ่ เท่าไหร่ เป็นชุมชนเท่าไหร่ แล้วจะมีวิธีการอย่างไร กรณีสปก.4-01 ไปแล้ว ที่จัดไปให้กับเกษตรกรถูกต้องหรือไม่ หรือมีการเปลี่ยนมือหรือไม่ จะทำข้อมูลให้ชัดเพื่อเสนอฝ่ายนโยบายพิจารณาหาทางออก ซึ่งกรณีเปลี่ยนมือนั้นคาดว่าจะมีประมาณ 10% ของพื้นที่จัดไปแล้วประมาณ 32 ล้านไร่ ซี่งในส่วนของเอกชนที่ครอบครองที่ดินรายใหญ่นั้น สปก.มีความเห็นว่าควรจะมีการเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ยอย่างมีเงื่อนไข เช่นการชดเชยค่าสินไหมคือการให้เกษตกรที่ประสงค์ทำกินในที่ดินเช่าซื้อจากสปก.โดยใช้ทุนสปก.ในกรณีใช้เงินสปก.จ่ายสินไหมให้เจ้าของที่ดินเดิมก่อน ซึ่งจะแก้ไขปัญหาที่ดินที่ดีกว่าการฟ้องร้องที่ใช้เวลาเป็น 10 ปี “ นายเลิศวิโรจน์กล่าว