จับตา “เอเชีย เอรา วัน” ยื่นอุทธรณ์ขยายเวลาลงทุน เดินหน้าโครงการไฮสปีดเทรน
เลขาฯอีอีซี แนะ เอกชนยื่นอุทธรณ์บีโอไอขยายเวลาส่งเสริมการลงทุนรถไฟความเร็วสูง หลังพบข้อมูลหมดอายุแล้ว ด้าน “ภูมิธรรม”ย้ำต้องการเดินหน้าเพื่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า กรณีที่ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด บริษัทในเครือซีพี ซึ่งได้รับสัมปทานการลงทุนและเดินรถไฟความเร็วสูงในโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) แต่ไม่ได้รับการต่ออายุ บัตรส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หลังจากหมดอายุไปตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.2567 นั้น เอกชนสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อบีโอไอในการขยายระยะเวลาได้ซึ่งได้แนะนำให้เอกชนยื่นไปที่บีโอไอตามขั้นตอนแล้ว ส่วนการดำเนินการแก้ไขสัญญาของโครงการนั้นอยู่ในระหว่างการหารือกับภาคเอกชนและดำเนินการอยู่
นายจุฬา กล่าวว่า เนื่องจากอำนาจการพิจารณายกเลิกสัญญาไม่ได้เป็นของอีอีซี แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับดูแลสัญญา ซึ่งอยู่ภายใต้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) พิจารณาว่าจะมีมติให้ ซี.พี.ดำเนินการอย่างไรในฐานะคู่สัญญา
หลังจากนั้นหากคณะกรรมการกำกับดูแลสัญญาพิจารณาแล้วเสร็จ จึงจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ตัดสินใจขั้นสุดท้าย ซึ่งอีอีซีในฐานะหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ผลักดันการพัฒนาโครงการนี้ มีจุดยืนอยากให้กลุ่มซีพี ซึ่งเป็นเอกชนที่ชนะการประกวดราคาเดินหน้าลงทุนโครงการ ซึ่งหากมติของคณะกรรมการกำกับดูแล และบอร์ด ร.ฟ.ท.เห็นว่าต้องเดินหน้าลงทุน แม้จะไม่มีบัตรส่งเสริมของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ก็สามารถออกหนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP : Notice to Proceed) ได้
ดังนั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกำกับสัญญา และการรถไฟฯ ว่าจะหารือกับทางเอกชนอย่างไร ในเมื่อขณะนี้เอกชนไม่ได้รับบัตรส่งเสริม บีโอไอ หากจะเดินหน้าออกหนังสือเข้าพื้นที่เพื่อเริ่มงานก่อสร้างก็ทำได้ แต่ต้องแก้ไขรายละเอียดสัญญาเพื่อกำหนดให้การรถไฟฯ ออกหนังสือ NTP โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขรับบัตรส่งเสริม บีโอไอ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลของผู้สื่อข่าว พบว่า ที่ผ่านมาการขอขยายบัตรส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอดำเนินการได้ 3 ครั้ง ครั้งละ 4 เดือน โดยบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ได้ยื่นขอขยายบัตรส่งเสริมจากบีโอไอ 2 ครั้ง เป็นเวลา 8 เดือน และครั้งสุดท้ายนี้ได้ขอยื่นต่ออายุไปอีก 4 เดือน คือหมดอายุในวันที่ 22 พ.ค.2567 ซึ่งบีโอไอไม่อนุมัติต่อใบอนุญาตการส่งเสริมการลงทุนให้แล้วเนื่องจากมีการต่ออายุมาแล้ว 2 ครั้ง
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการอีอีซี ระบุว่าตนได้รับทราบปัญหาเรื่องนี้แล้วแต่รอการรายงานรายละเอียดจากคณะกรรมการ โดยได้ให้แนวนโยบายกับเลขาธิการอีอีซีแล้วว่าให้ดูในกรอบเรื่องของกฎหมายให้รอบคอบ หากสามารถดำเนินการได้และทำให้โครงการเดินไปข้างหน้าได้ก็ขอให้เร่งดำเนินการ เพราะโครงการไฮสปีดเทรนนั้นถือเป็นโครงการสำคัญของอีอีซีที่มองว่ามีความจำเป็นที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของโครงการ
ส่วนประเด็นที่บีโอไอจะต่อสิทธิ์ประโยชน์ให้กับเอกชนที่ได้รับสัมปทานหรือไม่นั้นก็ต้องดูเงื่อนไข และข้อกฎหมายแต่ก็มองว่าเรื่องนี้ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เอกชนจะตัดสินใจว่าลงทุนในโครงการนี้หรือไม่ เราอยากเห็นโครงการเดินไปข้างหน้ามากกว่าหยุดอยู่กับที่
ขณะที่นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า กรณี BOI ไม่ได้ต่ออายุบัตรส่งเสริมการลงทุนให้กับโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) หลังจากหมดอายุไปตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.2567 เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้ลงทุนจริงโดยให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างการเจรจาแก้ไขสัญญากับภาครัฐบาลซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวไม่อยู่ในระเบียบของบีโอไอ ซึ่งหลังจากการแก้สัญญากับภาครัฐเรียบร้อยแล้วและทางบริษัทได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนอีกครั้ง ทาง บีโอไอ ก็จะพิจารณาให้โดยด่วน


