posttoday

ธอส. โชว์กำไรปี66 แตะ 1.46 หมื่นล้าน ปล่อยสินเชื่อใหม่พุ่งกว่า 2.53 แสนล้าน

30 มกราคม 2567

ธอส. เผยผลประกอบการปี66 กำไร 14,620 ล้าน ปล่อยสินเชื่อใหม่สวนกระแสเศรษฐกิจทะลุเป้ากว่า 2.53 แสนล้านบาท ตั้งเป้าปี 67 โตกว่า 3% แย้ม ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เตรียมออกมาตรการช่วยลูกหนี้ตามนโยบายรัฐบาล

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยผลการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2566  ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 253,860 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 197,730 บัญชี สูงกว่าเป้าหมาย 235,480 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท จำนวน 121,308 ราย สูงขึ้นกว่าเป้าหมาย 116,817 ราย อยู่ที่ 3.84% ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 4/2566 ธนาคารมีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,713,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.21% มีสินทรัพย์รวม 1,785,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.60% เงินฝากรวม 1,540,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.76% และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 66,343 ล้านบาท คิดเป็น 3.87% ของยอดสินเชื่อรวม ถือว่าดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
 

ทั้งนี้ ธนาคารได้ทยอยตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นจำนวนสูงถึง 147,197 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.09% หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ที่ระดับ 221.87% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14,620 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายภายได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่ 15.21%

 

“ ธอส. ยังเป็นธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อบ้านให้คนรายย่อย โดยเฉพาะรายที่กู้ต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท ยอดปล่อยกู้ยังสูง ไม่ได้ถูกปฎิเสธปล่อยกู้ ขณะเดียวกันจากมาตรการช่วยลูกหนี้ทำให้ธนาคารสามารถควบคุมหนี้ NPL ได้ต่ำกว่า 4% โดยการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ในช่วงครึ่งหลังของปี ทำให้ดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อย หรือ MRR  ต่ำที่สุดในระบบ นอกจากนี้ยังเตรียมออกมาตรการช่วยลูกหนี้ตามนโยบายรัฐบาล คาดว่าไม่น่าเกิน 2 สัปดาห์จะมีการประกาศออกมา ”  นายกมลภพ กล่าว 

ธอส. โชว์กำไรปี66 แตะ 1.46 หมื่นล้าน ปล่อยสินเชื่อใหม่พุ่งกว่า 2.53 แสนล้าน

สำหรับการช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้สามารถผ่อนชำระเงินงวดได้ตาม “มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 2567” ประกอบด้วย

1.มาตรการภาคครัวเรือน “HD1” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1-3 จำนวน 1,000 บาท (ตัดชำระเงินต้นทั้งหมด) อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี  

2. มาตรการภาคครัวเรือน “HD2” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1 - 3 คำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90% +100 บาท

3. มาตรการภาคครัวเรือน “HD3” สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ NPL ที่มีเงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ผ่อนชำระเงินงวดเดือนที่ 1 - 4 จำนวน 1,000 บาท (ตัดชำระเงินต้นทั้งหมด) อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี

 

 

ทั้งนี้ ได้เปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า ณ วันที่ 24 มกราคม 2567 มีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 3,853 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 4,544 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธอส. ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ผ่านทาง Application : GHB ALL BFRIEND 

 

สำหรับ แผนดำเนินงานในปี 2567 ตั้งเป้าขยายสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3% ของเป้าหมายในปี 2566 หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อ 242,544 ล้านบาท ภายใต้แผนจะพัฒนาการเชื่อมโยงพันธมิตรด้านที่อยู่อาศัย  (Best Housing Ecosystem) ผ่านการปล่อยสินเชื่อที่หลากหลาย ทั้งด้านความยั่งยืน (Sustainable) ด้านนวัตกรรม (Innovation) ด้านสุขภาพ และด้านสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) 

 

ประกอบด้วย โครงการ Resale Home Ecosystem โดยขยายความร่วมมือกับพันธมิตรที่ขายบ้านมือสอง โครงการสินเชื่อ Green Loan สนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงาน อาทิ สินเชื่อบ้านอยู่เย็นเป็นสุข สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ซื้ออุปกรณ์ฯ เพื่อให้เป็นบ้านประหยัดพลังงาน (ECO House) อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นปีแรกเพียง 2.80% ต่อปี สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการโครงการสินเชื่อเพื่ออาคารคาร์บอนต่ำ (Project Loan For Carbon Reduction Building)  ที่ต้องการปลูกสร้าง ต่อเติม ปรับปรุง ซ่อมแซม อพาร์ทเม้นท์ และผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาโครงการเพื่อปลูกสร้างบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรกเพียง 3.90% ต่อปี 

 

โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง เพื่อดูแลประชาชนให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น รองรับ Aging Society และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม อาทิ โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ โดยมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (Reverse Mortgage : RM) สำหรับผู้ที่ต้องการมีรายได้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพหลังจากเกษียณอายุ และโครงการสินเชื่อชำระหนี้ค่าไถ่ถอนการขายฝากที่อยู่อาศัย โดยเปิดโอกาสให้กับผู้ที่นำบ้านและที่ดินไปจำนองขายฝากกับเจ้าหนี้นอกระบบ สามารถขอสินเชื่อเพื่อไถ่ถอนจำนองการขายฝากที่อยู่อาศัยกับธนาคารได้ โดยกำหนดวงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อรายต่อหลักประกัน 


พร้อมกันนี้ ธอส. ยังเตรียมสินเชื่อเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าได้แก่ สินเชื่อบ้าน ธอส. สุขสบาย ปี 2566 แก่ลูกค้าที่มีความประสงค์เปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยเงินกู้ โดยไม่พิจารณาประวัติการผ่อนชำระหนี้ หรือสถานะในการทำข้อตกลงประนอมหนี้ อัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี หรือ 4.90% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันเท่ากับ 6.90% ต่อปี) และ 2. ลูกค้าใหม่ (รีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินอื่นมายัง ธอส.) อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 เท่ากับ 3.75% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 4% และโครงการสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล กับสินเชื่อพร้อมใช้ สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ผ่อนชำระเงินงวดและเงินต้นลดลงอย่างสม่ำเสมอ ให้ได้รับสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำตามวงเงินต้นที่ลดลง เพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับธนาคาร 


สำหรับโครงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Joint Venture Asset Management Company: JV AMC)  ในส่วนของ ธอส. เตรียมคัดลูกหนี้ NPL ที่มีการตั้งสำรองไว้ครบจำนวน 1 หมื่นล้านบาท เข้าไปบริหารใน JV AMC อีกด้วย