ไอซีซีอัดงบรุกหนักตลาดชุดชั้นในวาโก้
ไอ.ซี.ซีฯ อัดงบปีนี้เฉียด 300 ล้านบาท พร้อมปรับโครงสร้างภายในใหม่ รุกหนักชุดชั้นในวาโก้ รับตลาดในประเทศแข่งรุนแรง หวังสิ้นปียอดขายแตะ2.9พันล้านบาท
ไอ.ซี.ซีฯ อัดงบปีนี้เฉียด 300 ล้านบาท พร้อมปรับโครงสร้างภายในใหม่ รุกหนักชุดชั้นในวาโก้ รับตลาดในประเทศแข่งรุนแรง หวังสิ้นปียอดขายแตะ2.9พันล้านบาท
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการบริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล และกรรมการบริษัทไทยวาโก้ ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าเครื่องแต่งกายแบรนด์เนม วาโก้, บีเอสซี, แอร์โรว์, ลาคอส เป็นต้นในเครือสหกรุ๊ป เปิดเผยว่าในปี54 บริษัทเตรียมใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท สำหรับกลุ่มสินค้าชุดชั้นในแบรนด์ วาโก้ เบื้องต้นแบ่งเป็น 100 ล้านบาท เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าวาโก้รูปแบบใหม่ในลักษณะร้านค้าเดี่ยว(สแตนด์อโลน) เป็นครั้งแรก โดยแนวคิดแต่ละร้านจะมีชื่อแตกต่างออกไป เช่นวาโก้ โกลด์ ในกลุ่มผู้ใหญ่ หรือ วาโก้ ปี๊ง เจาะกลุ่มวัยรุ่น เป็นต้น
สำหรับช่องทางขายใหม่ดังกล่าว บริษัทจะวางแนวคิดร้านและสินค้าที่แตกต่างไปจากช่องทางขายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการหาทำเลที่เหมาะสมในการขยายจุดขายใหม่ดังกล่าว คาดภายในสิ้นปีนี้ จะมีร้านสแตนด์อโลน วาโก้ ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง รวมถึงในปีนี้บริษัทจะมุ่งทำตลาดขายตรงผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ของบริษัท มากขึ้น อาทิ ทีวี ช้อปปิง หรือ แคทตาล็อค เซล ฯลฯ โดยเบื้องต้นบริษัทเตรียมงบไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท และหากได้ผลตอบรับจากการทำตลาดเป็นที่น่าพอใจอาจต้องใช้งบเกือบ 200 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ปรับโครงสร้างการดำเนินการภายในบริษัท สำหรับกลุ่มสินค้าวาโก้ ให้เป็นไปในลักษณะเชิงราบ(แฟลต ออร์กาไนซ์) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่กลางปี 53 ที่ผ่านมา พร้อมให้ความสำคัญด้านการออกแบบแนวแฟชันมากขึ้น จากเดิมที่เป็นจุดอ่อนของในชุดชั้นในวาโก้ พร้อมแยกคอลเล็กชันสินค้าให้มีความชัดเจนขึ้น ตามรูปแบบการใช้ชีวิตหรือ ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย จากเดิมที่สินค้าวาโก้ แบ่งคอลเล็กชันในการทำตลาดตามอายุกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป โดยจะมีสินค้าใหม่5-6คอลเล็กชันต่อเดือน ส่งผลให้ปัจจุบันวาโก้ มีสินค้ารุ่นใหม่ๆที่มีสีสันสดใสมากขึ้น
“บริษัทยังใช้กลยุทธ์ราคาทั้งปรับขึ้นและปรับลง เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวในฐานะผู้นำตลาด โดยชุดชั้นในกลุ่มเบสิคจะปรับราคาลดลงเฉลี่ย 10% จากปัจจุบันสินค้ากลุ่มนี้สร้างยอดขายให้กับแบรนด์วาโก้กว่า 30% และมีราคาสินค้าเฉลี่ยเริ่มต้นตั้งแต่300-กว่าพันบาทต่อชิ้น” นายธรรมรัตน์ กล่าว
จากทิศทางการทำตลาดชุดชั้นในวาโก้ในปีนี้ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ 30% และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ จากปัจจุบันแบรนด์วาโก้ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ1 กว่า 58-60% ซึ่งยอมรับว่าส่วนแบ่งตลาดลดลงจากเดิม เนื่องจากมีผู้ประกอบการทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รุกทำตลาดมากขึ้น อาทิ แบรนด์ ซาบีน่า ที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ2 มีส่วนแบ่งราว 15-16% และแบรนด์ไทรอัมพ์ อันดับ3 คาดส่วนแบ่งราว 10-13%
ปัจจุบันตลาดรวมชุดชั้นในช่องทางจำหน่ายห้างสรรพสินค้า มีมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท โดยปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตราว10% ซึ่งในส่วนของบริษัทมีอัตราเติบโตราว 3-5% มียอดขาย2,300 ล้านบาท คาดสิ้นปีมียอดขายเพิ่มเป็น 2,900 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมของบริษัทไอ.ซี.ซีฯ ปี53 ปิดยอดขายเกือบ 1.2 หมื่นล้านบาทและในปีนี้วางเป้าเติบโตรายได้ 30% เช่นกัน


