posttoday

กรมที่ดินลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง อสังหาฯ เป็นของขวัญปีใหม่

28 ธันวาคม 2566

กระทรวงมหาดไทยโดยกรมที่ดิน ลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาฯ เหลือร้อยละ 1 จดจำนองเหลือร้อยละ 0.01 มอบเป็นของขวัญปีใหม่ลดภาระประชาชนที่ต้องการมีบ้าน พร้อมรักษาระดับเศรษฐกิจภาคอสังหาฯ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้ลงนามในกฎกระทรวง 2 ฉบับ ซึ่งมีผลเป็นการลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และ ห้องชุด ทั้งส่วนของการซื้อขายที่อยู่อาศัยมือหนึ่ง และมือสอง ซึ่งมีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท  เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในปี 2567 เพื่อเป็นการมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 แก่ประชาชน

ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ ประกอบด้วย  

1)กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. 2567

2) กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองของการซื้อห้องชุด เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. 2567 ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา

ภายหลัง รมว.มหาดไทยลงนามแล้ว กรมที่ดินจะได้นำเสนอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศถึงวันที่ 31 ธ.ค. 67 ต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  สาระสำคัญของกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ  ประกอบด้วย 1) การลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก ร้อยละ 2 เหลือ ร้อยละ 1 สำหรับการซื้อขายอาคารที่อยู่อาศัย หรือ อาคารพาณิชย์ ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์ หรือ ที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ดังกล่าว หรือ อาคารชุด ซึ่งมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท 2)ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดจำนอง จากร้อยละ 1 เหลือ ร้อยละ 0.01 สำหรับการจำนองที่กระทำในคราวเดียวกับการโอน และวงเงินการจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท 

การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้เป็นมาตรการต่อเนื่องจากปี 2566 ที่กรมที่ดินได้ลดค่าธรรมเนียมให้แก่ประชาชนในอัตราเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยของตนเอง แล้วยังเป็นการส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริทรัพย์เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รักษาระดับเศรษฐกิจในภาคอสังหาฯ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาฯ ให้เกิดความต่อเนื่องด้วย