พีรดา ศุภรพันธ์สร้างกิจการด้วยนวัตกรรมอาหารที่จุดประกายจากการลดน้ำหนัก

ประกายแรกของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมปังไม่มีแป้งและน้ำตาลภายใต้แบรนด์ Dancing with a Baker เกิดขึ้นในวันครบรอบแต่งงานของ พีรดา ศุภรพันธ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เทสเต็ด เบ็ตเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (ก่อตั้งในปี 2561) ที่ห่วงใยต่อน้ำหนักตัวที่สูงถึง 130 กิโลกรัมของสามีและผู้ร่วมก่อตั้งคือ ตรัย สัสตวัฒนา 

โดยพีรดาแนะนำให้สามี ผู้ที่เป็นทั้งเชฟขนมปังและชื่นชอบการกินขนมปังซึ่งเป็นเมนูที่ทำให้อ้วนง่าย ลองพัฒนาขนมปังที่ไม่มีแป้งและน้ำตาลมาทดแทน ซึ่งแม้ในครั้งแรกตรัยจะมองว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ 1 ปีจากนั้นเขาก็ทำสำเร็จ จนได้แจ้งเกิดขนมปังไม่มีแป้งและน้ำตาลขึ้นจนได้ ซึ่งผลที่ตามมาคือหลังจากทานขนมปังที่ไม่มีแป้งและน้ำตาล ทำให้น้ำหนักลดไปถึง 30 กิโลกรัมภายในเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง

เราอยากให้เขา (ตรัย สัสตวัฒนา) ลดน้ำหนักแต่ไม่อยากไปทำให้เครียด จนวันวันครบรอบงานแต่งงาน ก็เลยคุยเล่น ๆ กับเขาว่า เธอชอบกินขนมปังใช่ไหม แต่ว่าขนมปังทำให้อ้วนนะ เพราะมีแป้งกับน้ำตาล แต่ถ้าเอาแป้งกับน้ำตาลออก แล้วทำดีขึ้นจะดีกว่าไหม ซึ่งตอนแรกเขาก็ตอบว่าเธอจะบ้าเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง ที่ขนมปังไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล  แต่สุดท้ายเขาก็ลองไปทำดู จนหนึ่งปีผ่านไปเขาก็ทำออกมาได้ จนเป็นขนมปังที่ไม่มีแป้งไม่มีน้ำตาล

สำหรับขนมปังไม่มีแป้งและน้ำตาลของ Dancing with a Baker มาจากการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตขึ้นโดยปราศจากสารเคมี ผ่านการทดลองที่ควบคุมอย่างเข้มข้น และยังผ่านการทดสอบความเป็นไปได้กว่าร้อยแบบ เพื่อสร้างแป้งเสมือน ที่มีโปรตีนและไฟเบอร์จากพืช รวมถึงยังต้องมีรสชาตอร่อยถูกปากเป็นหลัก 

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นยังผลิตโดย Faux Starch (เครื่องหมายการค้าอยู่ระหว่างการจดทะเบียน) ที่ผ่านการคิดค้นและพัฒนาขึ้น ซึ่งให้ค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ที่ 1.1-1.4 ต่อชิ้น และมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่อ 100 กรัมอยู่ที่ 0% – 14% จึงเหมาะกับผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน หรือ ผู้ลดน้ำหนักที่เลี่ยงการบริโภคแป้ง หรือ คาร์โบไฮเดรตนั่นเอง 

ขนมปังของเราเทียบกับตัวขนมปังปกติ จะมีคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำกว่าปกติ 5 เท่า หรือว่า 500% แต่มีโปรตีนสูงกว่าปกติ 4 เท่า หรือว่า 400%  ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือไฟเบอร์ หรือว่าใยอาหารมากกว่าปกติ 7 เท่า หรือว่า 700%

ต่อยอดผลิตภัณฑ์เตรียมส่งออก

อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัท เทสเต็ด เบ็ตเตอร์ (ไทยแลนด์) ฯ มีนวัตกรรมแป้งเสริมอาหารดัชนีน้ำตาลต่ำเพียง 1.2-1.6 เป็นเทคโนโลยีสำคัญ ทำให้นอกจากผลิตภัณฑ์ขนมปัง Dancing with a Baker ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบในปัจจุบันแล้ว บริษัทยังต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีก ได้แก่ Bambina Pizza พิซซ่าไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล พาสต้าไม่มีแป้งไม่มีน้ำตาลยี่ห้อเล่นเส้น (LENZEN) 

ทั้งนี้พีรดายังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง คือ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีกลูเต็น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาแป้งเสริมอาหารดัชนีน้ำตาลต่ำที่ไม่มีกลูเต็น นั่นคือคือนอกจากคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีโปรตีนและไฟเบอร์สูงแล้ว ยังไม่มีกลูเตนด้วย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่แพ้กลูเต็น

เราฟังเสียงลูกค้าให้มาก แล้วนำมาพัฒนาตัวบริษัท พัฒนา line product อื่น ๆ แล้วก็ค้นหาว่าจริง ๆ แล้วตลาดต้องการอะไร ซึ่งถือว่าเป็นคีย์สำคัญเลยที่ทำให้เรายังมีฐานแฟนคลับมาจนถึงทุกวันนี้

พีรดาเล่าย้อนถึงที่มาของการพัฒนาแป้งเสริมอาหารดัชนีน้ำตาลต่ำว่าเกิดขึ้นในช่วงหลังโควิดเริ่มระบาด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญกับบริษัท เทสเต็ด เบ็ตเตอร์ (ไทยแลนด์) ไม่ต่างจากหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบจากวิกฤติโควิด จนเกิดแนวคิดว่าไม่ต้องการเป็นเพียงกิจการทำขนมปัง จึงนำไปสู่การพัฒนาแป้งเสริมอาหารดัชนีน้ำตาลต่ำที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพิ่มและยังมีอายุshelf life 2 ปี จึงสามารถส่งออกไปขายนอกประเทศได้ด้วย 

ตอนนี้อยู่ระหว่างการรอผล clinical trial ในมนุษย์ให้ครบถ้วนก่อน ซึ่งปัจจุบันเราทำอยู่ประมาณ 8-9 ตัวค่ะ ซึ่งเมื่อผลิตภัณฑ์พร้อมที่จะเป็นจุดให้ spring board ต่อไปค่ะ

จากที่บริษัทเน้นทำธุรกิจแบบ B2C กับผู้บริโภครายย่อยโดยขายผ่านช่องทางออนไลน์มาตลอด 4 ปี แต่หลังจากนี้จะเริ่มเปิดสู่ตลาด B2B มากขึ้น โดยเน้นที่กลุ่มร้านอาหารและบริษัทขนาดใหญ่ต่าง ๆ ที่มีความต้องการสินค้า เช่น เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เส้นพาสต้า ครัวซองต์แช่แข็ง เป็นต้น

เช่นเดียวกับที่วางแนวทางที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ไปทั้งกลุ่มประเทศเอเชียและยุโรปภายใน 1-2 ปีข้างหน้าด้วย โดยขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อระดมทุนกับ strategic investor จากทางต่างประเทศ เพื่อมาเป็นแรงหนุนให้มีพลังด้านการส่งออกยิ่งขึ้น

เราเป็นสตาร์ทอัพแรกในประเทศไทยรายแรกในรอบสิบปี ที่ได้รับคัดเลือกให้ร่วมโครงการ soft landing program เพราะมองว่าธุรกิจของเรามีโอกาสไปเติบโตที่ทางฝั่งภูมิภาคยุโรป โดยที่ใช้เวียนนาเป็นศูนย์กลางในการทำธุรกิจของเราในภูมิภาคยุโรป

ถอดบทเรียน Smart SME 

พีรดายังเปิดใจในฐานะผู้ประกอบการอีกว่า ตัวเธอเองก็รู้สึกถอดใจกับการทำธุรกิจแทบจะทุกวัน แต่เมื่อตั้งสติได้และรู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายในอนาคตอย่างไร ก็กลับมาทุ่มเทแรงกายและแรงใจให้สู้ต่อได้ พร้อมฝากบอกถึงเจ้าของกิจการอื่น ๆ ต่อว่าหากใครรู้สึกท้อหรือเริ่มจะถอดใจให้รู้ว่าเป็นเพื่อนกัน ที่แม้ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มามากมายแต่ก็ยังยืนอยู่ต่อได้จนถึงวันนี้ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว

"ในช่วงที่ท้อแท้พยายามให้กำลังใจตัวเอง และจะยึด 2 ข้อที่ใช้มาตั้งแต่เด็กเลย คือ 1. ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น และ 2. ทำวันนี้ให้ดีที่สุด"