posttoday

คลังเตรียมคลอดของขวัญปีใหม่ ปลุกกำลังซื้อส่งท้ายปี ดัน GDP โตตามเป้า

04 ธันวาคม 2566

คลัง เผยเร็วๆนี้ เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย พร้อมรับข้อเสนอ TDRI ฟื้นคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน กระตุ้นกำลังซื้อ ดัน GDP ทั้งปีนี้โตได้ตามเป้า 2.7% ต่อปี

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วงปลายปี 2566 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยจะใช้งบประมาณบางส่วนที่เหลือของปีงบประมาณ 2566 ออกมาใช้ดำเนินมาตรการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปได้ภายในเร็วๆนี้ และนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป

 

ส่วนที่ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) เสนอ ให้ฟื้นโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน หรือ เพิ่มการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อ กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือนั้น กระทราวงการคลังจะรับไว้พิจารณา เพราะในส่วนของหน่วยงานของรัฐได้มีการพูดคุยกันอยู่แล้วว่าต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ และต่อเนื่องไปถึงปีหน้า เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้ประชาชนแน่นอน 
 

 

“ซึ่งตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็กำลังดูๆกันอยู่ มาตรการที่ออกมาจะคล้ายๆ กับทุกปีที่ผ่านมา ขอให้รออีกหน่อย คาดว่าจะออกมาได้เร็วๆนี้”นาย พรชัย กล่าว

 

ทั้งนี้ เชื่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่จะสามารถผลักดันให้จีดีพีขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้ ว่าทั้งปีจีดีพีจะขยายตัวได้ 2.7% หรือตามคาดการณ์ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ที่ 2.5%ต่อปี ได้หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากต้องรอดูตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เหลือในไตรมาส4/2566 ก่อน ว่าจะมีปัจจัยเศรษฐกิจใดที่เปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ 

 

อย่างไรก็ตาม นอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐแล้ว ในส่วนของรัฐวิสาหกิจเอง ก็มีการเบิกจ่ายเพื่อลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถาบันการเงินของรัฐก็เตรียมออกมาตรการกระตุ้นนเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนผลักดันให้จีดีพีขยายตัวได้ต่อเนื่อง
 

 

ทั้งนี้ ดร. นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่า หากเศรษฐกิจเติบโตต่ำกว่าศักยภาพที่ควรโตประมาณ 3.6% แต่เติบโตแค่  2.5% ต่อปีในปีนี้ แปลว่าการหมุนเวียนของเงินน้อยไปราวๆ 1.1% หรือประมาณ 1.9 แสนล้านบาท การกระตุ้นเศรษฐกิจถ้ามี และเลือกวิธีการที่ถูก ควรจะต้องใช้เม็ดเงินประมาณครึ่งนึง คือ ราวๆ เกือบแสนล้าน วิธีการที่ถูก เช่น การเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ โครงการคนละครึ่ง หรือ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่ง ที่กล่าวมานี้ไม่ว่าจะเป็นมาตรการใดก็ได้หมด 

 

แต่ทั้งนี้ ไม่หนุน คือ โครงการช็อปดีมีคืน เพราะประเมินว่า ไม่ตรงจุดและประสิทธิภาพต่ำ คนเข้าร่วมโครงการจะได้คืนภาษีตอนยื่นเสียภาษีปลายปี ซึ่งยิ่งจ่ายภาษีฐานสูงยิ่งได้คืนมาก แปลว่าคนเข้าร่วมมีแนวโน้มที่จะเป็นคนรวย และจ่ายเงินซื้อของให้กับร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีได้ คือ ร้านขนาดกลางถึงใหญ่ การหมุนของเงินจะต่ำกว่า