DEPA ชู 5 มาตรฐานเมืองอัจฉริยะอาเซียนต้องมี ดันบัญชีบริการดิจิทัลต้องเกิด
DEPA พร้อมดันข้อเสนอเกิดเมืองอัจฉริยะเพิ่มพร้อมสิทธิพิเศษด้านภาษีเพิ่มเติม ชู 5 เสาหลักเมืองอัจฉริยะอาเซียนต้องมี เร่งผลักดันให้เกิดการขึ้นทะเบียนบริการบัญชีดิจิทัลหัวใจสำคัญของสมาร์ทซิตี้ในอนาคต
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์. ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA กล่าวในงานสัมมนา“POSTTODAY SMART CITY THAILAND 2024” หัวข้อนโยบายผลักดัน Smart City
โดยพูดถึงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย รูปแบบพิรามิด ประกอบด้วยด้านล่างสุดเกษตรกร 8-12 ล้านคนสัดส่วนจีดีพีน้อยมาก ถ้าไม่ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเพิ่มจีดีพียาก ทำให้เป้าหมายจีดีพี 5% เป็นไปได้ยาก ส่วนตรงกลาง SME 3 ล้านรายหรืออาจถึง 5-6 ล้านราย ยังสามารถทำจีดีพีได้นิดเดียวในสัดส่วน 35-40% ส่วนบนสุดของพิรามิดคือยักษ์ใหญ่มีสัดส่วนจีดีพีถึง 50%
คำถามของความเป็น “เมืองอัจฉริยะ” ก็คือ คนระดับล่างๆ หรือ SME หรือ ประชาชนส่วนใหญ่ 10 กว่าล้านคนของพิรามิดจะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างไร
ในขณะที่เมืองไทยในทุกพื้นที่จะต้องเตรียมพบกับ 4 ยุคสมัยคือ
1. ยุคของ Big Data / Blockchains และ AI
2. Automation/IoT
3. Access Cyber security
4. CONNECT หมายถึง ยุคสมัยต่างๆ จะมารวมกันอยู่ในยุคนี้ เกิดการเชื่อมต่อกันระหว่างกลุ่มธุรกิจใหม่และเก่าเกิดเป็น Global Supply Chain
นโยบายในการขับเคลื่อน 3 ประการของ DEPA:
1. สิ่งแรกที่ DEPA ให้ความสำคัญคือทุนมนุษย์ ทั้งการการ Reskill-Upskill คนไทยทั้งหมด สองคือ ทำอย่างไรให้ธุรกิจดั้งเดิมสามารถ Transform หรือว่าปรับเปลี่ยนตัวเองได้ รวมทั้งกลุ่ม Startups ที่จะต้องเกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยทั้งเกม ซอฟท์แวร์ แอนิเมชั่น หรือ AI ดังนั้นกลุ่มเหล่านี้จะกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจดั้งเดิมสู่เศรษฐกิจใหม่
2. การสร้างความเจริญให้กับฐานรากหรือประชนชนที่อยู่ด้านล่างของพิรามิดทั้งในระดับคอมมูนิตี้และระดับเกษตรกร
3. สุดท้ายคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ 1. Blockchain as a Service 2. Big data as a Service และ 3.AI as a Service ซึ่งตอนนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
เรามีชุดคณะกรรมการ Smart City ชาติทำงานในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ คณะทำงานชุดที่ 2 มีรัฐมนตรีเป็นประธาน และคณะทำงานย่อยๆ โดย DEPA กระบวนการทำงาน คือมีเมืองเดิมและมีเมืองใหม่ที่เริ่มจากศูนย์ เมืองเดิมคือเมืองที่หน้าอยู่มากขึ้นทั้งในรูปแบบของจังหวัด เทศบาล และ อบต. ส่วนเมืองใหม่ที่เป็น กรีนฟีลด์และก็ต้องการยกระดับเมืองนั้นขึ้นมา
โดยกล่าวถึงการนำเสนอพื้นที่หรือจังหวัดเข้าสู่โครงการเมืองอัจฉริยะตามมาตรฐานในภาคพื้นอาเซียนจะต้องมีคุณสมบัติหลัก 5 ประการในการเป็นเมืองอัจฉริยะ ว่าจะต้องทำตามหลักการต่อไปนี้:
1.ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า หนึ่งปีสองปีสามปีสี่ปีจะทำอะไร เช่น เมืองคยองจี ของเกาหลีตั้งเป้าหมายอยากเป็นเมืองอัจฉริยะด้าน Startups ใช้เวลา 10 ปีแต่มีการวัดผลทุกสามปีสี่ปี
2.จะต้องออกแบบเมืองในงบลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา และเรื่องของดิจิทัล ถ้าไม่มีก็ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ของการเป็นเมืองอัจฉริยะในการขอรับสิทธิ ไม่ว่าจะระดับจังหวัด เทศบาล อบต จะต้องมีเรื่องของการลงทุนในเชิง Physical และ Non-Physical ด้วย
3. สำคัญมากต้องมีการวางแผน มีการจัดการให้เมืองนั้นๆ มีเดต้า จะมีทั้งสถิติ หรือ เดต้าจากเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง บางเมืองเริ่มเก็บภาพแต่ไม่ลิงค์กัน บางเมืองเริ่มใช้เซ็นเซอร์แต่ไม่ลิงค์กัน เพราะฉะนั้นแผนงานในการพัฒนาเดต้าต้องมาเป็นแพ็คเกจ ถ้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรก็มีแนวทางคือ บริษัทเอกชนที่ลงไปพัฒนาเรื่องเดต้าในพื้นที่ได้สิทธิภาษีเพิ่มขึ้นจากเดิม สมัยก่อนมีลิมิตแค็ปวงเงิน เดี๋ยวนี้โชคดีล่าสุด ตามที่ท่านรัฐมนตรีบอกคือ No Cap คือ ไม่มีวงเงินแล้วในการลดหย่อนภาษี
4. ทุกเมืองจะต้องทำตามมาตรฐาน 7 ประการ คือ 7 Smart แต่ใน 7 ข้อนี้ บางเมืองอาจจะมีแค่สองสามสี่ หรือ หนี่งหรือสอง แต่ความจริง requirements ต้องมีเรื่องของสิ่งแวดล้อมบวกหนึ่งเป็นสอง แต่ละเมืองต้องเลือก First Priority ของการขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้มาก่อน เพราะแต่ละเมืองไม่ เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องทำให้ครบทั้ง 7 ด้าน
5. สุดท้ายเน้นเอกชนลงทุนมากกว่ารัฐ นี่คือกระบวนการที่เกิดขึ้นในเมือง
และพูดถึงบริการขึ้นบัญชีบริการดิจิทัลที่มีมาตรฐาน หรือ การขึ้นทะเบียนมาตรฐานเทคโนโลยี ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ ช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงความสามารถผ่านการพัฒนาสินค้าหรือบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานระดับสากล มีราคาที่สมเหตุสมผล และถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ภาคประชาชน โดยมีตลาดภาครัฐเป็นแก่นสำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือ "บัญชีบริการดิจิทัล" จะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของไทย
ผู้ที่สนใจขึ้นทะเบียนสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ DEPA