posttoday

สดช.รับลูกนโยบาย โก คลาวด์ เฟิร์ส เปิดเอกชนบริการคลาวด์ภาครัฐ

13 กันยายน 2566

สดช.รับลูกนโยบาย โก คลาวด์ เฟิร์ส เปิดเอกชนบริการคลาวด์ภาครัฐ รับความต้องการกว่า 8 แสนวีเอ็ม เตรียมสร้างราคากลางคลาวด์ 4 ประเภท ชงเข้าบอร์ดดีอี ก่อนเสนอครม.เคาะ พร้อมเผยแผนปี 67 เดินหน้า 7 โครงการหลัก ตั้งเป้าพัฒนาพลเมืองและสังคมดิจิทัล

ชงครม.เคาะราคากลางคลาวด์

นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนที่สำคัญของรัฐบาลโดยได้รับการมอบหมายจากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) คือ นโยบาย โก คลาวด์ เฟิร์ส ด้วยการเปิดโอกาสให้เอกชนผู้ให้บริการคลาวด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ไอเน็ต , เอดับบลิวเอส,ไมโครซอฟท์ และ หัวเว่ย เป็นต้น เข้ามาให้บริการคลาวด์

โดยสดช.จะเป็นผู้กำหนดราคากลางของเอกชนกับคลาวด์ 4 ประเภท และความต้องการใช้งานจริงก่อน จากนั้นจะเสนอเข้าคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า ภาครัฐมีความต้องการใช้คลาวด์อยู่ที่ประมาณ 800,000 วีเอ็ม ทว่าโครงการคลาวด์ภาครัฐยังไม่ตอบโจทย์เรื่องงบประมาณสนับสนุน ทำให้การสร้างคลาวด์ไม่ทันกับความต้องการในการใช้งาน

สำหรับงบประมาณ 3 ปี (2566-2568) ของโครงการคลาวด์ภาครัฐ ตามแผนงานนั้นต้องให้บริการคลาวด์ภาครัฐ 25,000 วีเอ็ม ต้องใช้งบประมาณปีละ 2,200 ล้านบาท แต่ทางสำนักงบประมาณ จัดสรรให้เพียงครึ่งเดียว หรือประมาณ 1,100   ล้านบาท  ทำให้ต้องใช้งบประมาณจากทางกองทุนดีอีสนับสนุนงบอีก 700 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที

นายภุชพงค์ กล่าวว่า การสำรวจความต้องการใช้งานคลาวด์และการกำหนดราคากลางต้องแบ่งตามประเภทการใช้งานคลาวด์ 4 ประเภท ได้แก่ 1.คลาวด์เพื่อความมั่นคงของหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (CII)  2.คลาวด์เพื่อเก็บข้อมูลภาครัฐและสามารถเชื่อมโยงข้อมูลสร้างบริการต่อประชาชนได้ 3.คลาวด์เพื่อเก็บข้อมูลแบบสตอเรจ และ 4. คลาวด์สำหรับข้อมูลที่ต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูง

เปิดนโยบายปี 67 เดินหน้า 7 โครงการ

นายภุชพงค์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายปี 2567 สดช. มี 7 โครงการสำคัญที่เตรียมขยายผลและต่อยอดโครงการต่างๆ ที่วางไว้ ได้แก่

1.โครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ และระบบคลาวด์กลางสาธารณสุขของประเทศ ต่อยอดการให้บริการคลาวด์ในรูปแบบต่างๆ อาทิ บริการสำหรับระบบงานขั้นสูง บริการสำหรับการจัดเก็บข้อมูลสำคัญของหน่วยงาน, เพิ่มบริการบน GDCC Marketplace ไม่น้อยกว่า 10 บริการ, พัฒนาการใช้งานในรูปแบบ Hybrid Cloud ที่เหมาะสมสำหรับหน่วยงานระดับ Ministry Cloud และ Agency Cloud เช่น คลาวด์ด้านสุขภาพ, ร่วมมือกับผู้ให้บริการภาคเอกชนในการฝึกอบรมบุคลากรภาครัฐ ที่ใช้บริการ GDCC ให้มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคนิค ในการบริหารจัดการระบบคลาวด์ และด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ปีละไม่น้อยกว่า 200 คน พร้อมทั้งบูรณาการข้อมูลภาครัฐและจัดทำข้อมูลแบบเปิด (Open Data) ของหน่วยงานที่ใช้บริการ GDCC รวมถึงส่งเสริมการใช้บริการให้กับหน่วยงานภาครัฐ

2. โครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย เพื่อให้หน่วยบริการสุขภาพสามารถให้บริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลตามมาตรฐาน สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับการวินิจฉัย วางแผนการรักษาเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งต่อช่วยให้ยกระดับคุณภาพการให้บริการสุขภาพ สนับสนุนให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) สามารถบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ในรูปแบบ Software as a Service อย่างมีมาตรฐาน และมีความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล และในกรณีฉุกเฉิน แพทย์ผู้รักษาสามารถดูข้อมูลคนไข้ เพื่อให้การรักษาชีวิตของคนไข้ได้อย่างรวดเร็ว

3.โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการวัดมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Contribution to GDP) ประจำปี พ.ศ. 2567 มีเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการวัดมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลและผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ผ่านการปรับปรุงรูปแบบ (Framework) การวัดมูลค่าของกิจกรรมทางเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเพิ่มความครอบคลุมของนิยามของเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีแนวคิดในการพยากรณ์มูลค่าของกิจกรรมทางเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคตผ่านการใช้แบบจำลองดุลยภาพทั่วไป (Computable General Equilibrium (CGE) model) ภายใต้หลักเศรษฐมิติ (Econometrics) เพื่อระบุระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจในภาคเศรษฐกิจดิจิทัลสอดคล้องตามเป้าหมายภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ในการเพิ่มสัดส่วนมูลค่าอุตสาหกรรมดิจิทัลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ภายในปี 2570

4.โครงการศึกษา Thailand Digital Outlook ปี 2567 ซึ่งจะดำเนินการจัดเก็บและสำรวจข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ 2567 โดยใช้แนวทางในการจัดเก็บตัวชี้วัดของ OECD และตามบริบทของการพัฒนาประเทศ เพื่อนำข้อมูลที่จัดเก็บและสำรวจได้มาวิเคราะห์ในมิติที่สำคัญ ในการนำไปสู่การเสนอแนวทางในการพัฒนานโยบายด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ให้สามารถขับเคลื่อนไปในทิศทางและมีเป้าหมายที่ทัดเทียมกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นส่วนสำคัญ  

5.โครงการยกระดับศูนย์ดิจิทัลชุมชน และการพัฒนาเครือข่ายอาสาสมัครดิจิทัล (อสด.) ขยายการดำเนินงานต่อเนื่อง เพื่อยกระดับศูนย์ ICT ชุมชน เป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชน โดยมีการพัฒนาระบบนิเวศศูนย์ดิจิทัลชุมชนอย่างยั่งยืน จัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ พร้อมพัฒนาระบบจัดการศูนย์ดิจิทัลชุมชน โดยขยายผลจากความพร้อมด้านการเข้าถึงดิจิทัล การมีอินเทอร์เน็ตสาธารณะชุมชน/ศูนย์ดิจิทัลชุมชน สู่การปั้นคนดิจิทัลในระดับพื้นที่ โครงการพัฒนาเครือข่ายอาสาสมัครดิจิทัล หรือ อสด. เพื่อเป็นผู้ช่วยขยายการเข้าถึงการประยุกต์ใช้ดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร พัฒนาทักษะประชากร ภายใต้กรอบสมรรถนะดิจิทัล และช่วยส่งเสริมเพิ่มโอกาสสร้างรายได้สู่พื้นที่ระดับชุมชน ซึ่งได้ทำความร่วมมือ (MOU) กับหน่วยงานภาคีเครือข่าย อาทิ อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) กลุ่มสภานักเรียนต่างๆ และเจ้าหน้าที่พัฒนาความรู้ของกรมราชทัณฑ์ ฯลฯ รวมแล้วประมาณ 1 แสนคนทั่วประเทศ เข้ามารับการอบรมเป็น อสด. เพื่อที่จะช่วยขยายเครือข่ายเพิ่ม ในอัตรา อสด. 1 คน ต่อการสร้าง อสด.เพิ่มอีก 4 คน ซึ่งจะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องดิจิทัลต่างๆ

6.โครงการ Digital Cultural Heritage หรือโครงการส่งเสริมการถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชาติสู่รูปแบบดิจิทัล โดยการผลักดัน Soft Power ของประเทศไทยในมิติของการส่งเสริมการถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลรูปแบบต่าง ๆ อาทิ สื่อมัลติมีเดีย AR VR แอปพลิเคชัน เกม หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ เป็นต้น โดยการนำสิ่งที่มีอยู่แล้ว หรือสิ่งที่อยู่รอบตัวมาสร้างมูลค่าให้เข้ากับยุคสมัย ให้เข้าใจได้ง่าย และเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงการสร้างเครือข่ายในการส่งเสริมการจัดเก็บข้อมูลมรดกทางวัฒนธรรมให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำมาตรการ หรือข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม Digital Content ในมุมมองด้านวัฒนธรรม ให้เกิด Soft Power ที่สร้างคุณค่าให้กับสังคม และสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ

7.กองทุนดีอี ในปี 2567 จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกองทุน ด้วยการปรับปรุงระบบสารสนเทศสนับสนุนการทํางานในด้านต่างๆ รวมถึงการพัฒนาสมรรถนะและการสร้างความเชี่ยวชาญในการทํางานบุคลากรของกองทุน

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ