DSI ลั่นดำเนินคดีทุกคน เรียกวนรัชต์รับทราบข้อกล่าวหาคดี STARK สัปดาห์หน้า
DSI ออกหมายเรียก "วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" พร้อมพวก รับทราบข้อกล่าวหาคดีหุ้น STARK สัปดาห์หน้าโดยไม่เปิดเผยวันเวลาเพื่อความปลอดภัย ยันพร้อมดำเนินคดีกับบุคคลทุกราย
หลังจากสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) กรรมการ อดีตกรรมการและอดีตผู้บริหารของ STARK รวม 10 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือ ดีเอสไอ กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564 - 2565 เพื่อลวงบุคคลใดๆ และเปิดเผยงบการเงินในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบ รวมทั้งปกปิดความจริงในข้อมูล factsheet เสนอขายหุ้นกู้ STARK ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยทุจริตหลอกลวง และทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง
ล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาบางส่วนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ทายาทสีชื่อดัง และในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ STARK ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์หน้า ส่วนวันเวลาไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเราต้องให้ความปลอดภัยและให้พื้นที่การทำงานแก่พนักงานสอบสวนด้วย
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 10 รายที่ ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ ดีเอสไอได้มีรวบรวม แสวงหาพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง จนปรากฏข้อเท็จจริง พิจารณาประกอบกันเป็นเหตุให้สามารถออกหมายเรียกผู้ต้องหาคาดว่า จะมีการทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามลำดับ และยืนยันว่า ดีเอสไอพร้อมดำเนินคดีกับบุคคลทุกรายที่มีพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แม้บุคคลนั้นจะมีตำแหน่งหน้าที่อยู่ในธนาคารเอกชนชื่อดังขนาดใหญ่ก็ตาม
ทั้งนี้คณะพนักงานสอบสวนจะมีการจัดเตรียมชุดทำงานให้พร้อม เพื่อแบ่งทีมการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด ส่วนเรื่องพยานเอกสารต่างๆ ผู้ต้องหาที่เข้าพบพนักงานสอบสวน สามารถนำข้อมูลใดมาเพื่อชี้แจงก็ได้
ส่วนทางดีเอสไอจะต้องดำเนินการอายัดทรัพย์บัญชีธนาคารของนายวนรัชต์ หลังถูกออกหมายเรียกแล้วหรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า เท่าที่ทราบว่าทาง ก.ล.ต. ได้ดำเนินการในส่วนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการอายัดที่เกิดจากสาเหตุที่ว่า หากหน่วยงานใดเจอหรือพบหลักฐานที่เห็นว่าเงินจำนวนเหล่านั้นได้มาจากการกระทำความผิด ก็สามารถอายัดเงินได้ ส่วนเรื่องจำนวนเงินหรือรายละเอียดทางบัญชีธนาคาร จะเป็นในส่วนของ ก.ล.ต. รับผิดชอบ
สำหรับประเด็นการอายัดทางทะเบียนรถยนต์หรู 4 คัน ของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ เพื่อนำไปสู่การขยายผลถึงผู้ครอบครองตัวรถในปัจจุบันนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตรวจสอบถึงบุคคลผู้ครอบครองรถยนต์หรูดังกล่าว ได้แก่
- BMW 630i Gran Turismo RHD ทะเบียน 1 กญ-0289 กรุงเทพมหานคร
- MINI COOPER S Cabrio RHD สีน้ำเงิน ทะเบียน 1ขศ-0042 กรุงเทพมหานคร
- MERCEDES BENZ AMG GLA 35 4MATIC สีเทา ทะเบียน 2ขร-1162 กรุงเทพมหานคร
- ROLLS-ROYCE DAWN สีดำ ทะเบียน 8กร-0011 กรุงเทพมหานคร
เบื้องต้นคณะพนักงานสอบสวนคาดการณ์ว่า ผู้ครอบครองคงไม่พ้นบุคคลใกล้ชิดของนายชนินทร์ ซึ่งดีเอสไอจะสามารถติดตามทั้งตัวรถและผู้ครอบครองมาได้ ส่วนพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายถูกพิจารณาแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สิน อาทิ มีการรับ-โอนรายการทรัพย์สินนั้นอย่างไร และเจตนาของผู้ครอบครองนั้นทราบหรือไม่ว่าเป็นรถยนต์หรูเหล่านี้ที่มาจากเงินของการบริหารจัดการ STARK หรือไม่ รวมถึงยังจะเร่งขยายผลตรวจสอบในเรื่องของเส้นทางการเงินร่วมด้วย
ส่วนกรณีกรรมการของ STARK ยื่นลาออก 3 รายและมีผลตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา จะไม่มีผลในทางคดีอาญาที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอกำลังดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะต้องไปตรวจสอบดูว่า บุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของการทุจริตตกแต่งบัญชีบริษัทด้วยหรือไม่ หรืออยู่ในห้วงระยะเวลาของการเกิดเหตุหรือไม่ จึงไม่สามารถยืนยันในข้อเท็จจริงได้ว่า ขณะนี้ทั้งหมดจะเกี่ยวข้องหรือมีผลต่อสำนวนคดีด้วยหรือไม่
สำหรับบุคคล 10 ราย ที่ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอประกอบด้วย
- บริษัท STARK
- นายชนินทร์ เย็นสุดใจ
- นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ
- นายชินวัฒน์ อัศวโภคี
- นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ
- นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม
- บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (PDITL)
- บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TCI)
- บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด
- บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (บ.เอเชีย)