posttoday

พลังแห่ง Food Engineering ส่งโทฟุซังครองตลาด หวังทำรายได้แตะพันล้าน

22 มิถุนายน 2566

Food Engineering ที่ช่วยสกัดโปรตีนได้เต็มเม็ด คือสูตรลับที่ส่งให้ 'โทฟุซัง' ครองตลาดนมถั่วเหลืองพาสเจอร์ไรส์ ด้วยส่วนแบ่งกว่า 85% พร้อมเดินเครื่องส่งผลิตภัณฑ์ปักธงที่สิงค์โปร์ปีนี้ และคาดว่าจะทำรายได้แตะพันล้านในปี 2567

เส้นทางสายผู้ประกอบการที่เชื่อในแรงขับเคลื่อนของ Food Engineering ดังเช่น สุรนาม พานิชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทฟุซัง จำกัด เริ่มตั้งแต่หลังเรียนจบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมอุตสาหกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร SIIT แล้วได้ทุน Australian leadership scholarships (ALA) ไปเรียนต่อปริญญาโท สาขา Development of Technologies ที่ Melbourne University Australia

ด้วยเงื่อนไขของทุนดังกล่าวได้กำหนดให้ต้องมาสร้างธุรกิจในเมืองไทย ในตอนนั้นสุรนามจึงร่วมกับกลุ่มเพื่อนก่อตั้งกิจการขายขนมไทยที่ออกแบบและนำเสนอผลิตภัณ์ ซึ่งฉีกจากกรอบเดิม ๆ ในนามของบริษัท เวย์ตาน่า จำกัด  ซึ่งถือว่าสำเร็จอย่างงดงามสำหรับการริเริ่มธุรกิจในครั้งแรก และขณะนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็ยังเป็นที่นิยม ไม่ว่าเป็น บ๊วยคืนชีพ พรุนไหมจ๊ะ กล้วยซุปเปอร์ซอฟ เป็นต้น 

แต่ด้วย passion ที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์น้ำเต้าหู้ที่อร่อยเหมือนน้ำเต้าหู้รถเข็นร้านประจำของคุณพ่อ แต่หาซื้อได้ง่ายและมั่นใจว่าสะอาด รวมถึงต้องการพิสูจน์ในเรื่องการผลิตสินค้าที่ดีจริง ๆ เพื่อให้คนที่เรารักได้ทานอย่างมั่นใจ สุรนามจึงตัดสินใจก่อตั้งโทฟุซังขึ้นเมื่อปี 2554 โดยใช้เวลาพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และมหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นเวลา 1 ปี ก่อนจะได้ออกผลิตภัณฑ์แรกคือน้ำเต้าหู้ผสมฟองเต้าหู้ 

น้ำเต้าหู้คั้นสด

Food Engineering ส่งสู่เส้นชัย
สุรนามยืนยันว่าการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง บนรากฐานของนวัตกรรมด้าน Food Engineering คือหนึ่งในต้นตอความสำเร็จของโทฟุซัง เพราะทำให้ผลิตภัณฑ์น้ำเต้าหู้ของบริษัทแตกต่างจากที่ขายกันในท้องตลาดก่อนนี้ นั่นคือ ไม่ใส่น้ำมัน ไม่ใส่นมผง และ ได้รสน้ำเต้าหู้แท้   100% 

เราลงลึกเรื่อง Food Engineer จริงจัง จนเป็นการสร้างนวัตกรรมในเชิงเครื่องจักรและเครื่องไม้เครื่องมือ แล้วนำไปสู่การทำ R&D แบบต่อเนื่อง จนทำให้ต่อยอดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ตามมาได้อีกจนถึงปัจจุบันนี้

สำหรับพัฒนาการด้าน  R&D ของโทฟุซังเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่บริษัทร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และมหาวิทยาลัยศิลปากรช่วยคิดค้นสูตรและกรรมวิธีการผลิตที่ให้รสชาติเหมือนกับน้ำเต้าหู้แบบดั้งเดิม และใส่นวัตกรรมเข้าไปเพื่อยืดอายุสินค้าให้อยู่ได้นานขึ้นและไม่ต้องพึ่งสารกันบูด โดยให้ความสำคัญตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบถั่วเหลืองออแกนิคทั้งในและต่างประเทศที่ไม่ตัดแต่งพันธุกรรม และมีโปรตีนสูงกว่าถั่วเหลืองทั่วไป ซึ่งได้รับการรับรอง FDA และ USDA Organic จากอเมริกา 

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเครื่องจักรที่ใช้โม่เมล็ดถั่วเหลืองที่สามารถรักษาโปรตีนได้สูงกว่ากระบวนการทั่วไป แต่ยังคงรสชาติหอมอร่อยแบบดั้งเดิมไว้ได้ พร้อมเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นส่วนผสม เช่น น้ำเชื่อมจากกล้วย น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ งาขาว งาดำคั่วบดแท้ ๆ รวมถึงคิดค้นนวัตกรรมการบรรจุเม็ด แมงลักลงในขวดน้ำเต้าหู้โดยคงรูปเดิมได้ เพียงรายเดียวในประเทศไทย

 

โรงงานของโทฟุซัง

ผมเดินเข้าไปคุยและนำเสนอกับรศ.บัณฑิต อินทวงศ์  ซึ่งมีแนวคิดตรงกันและเคมีเข้ากัน จึงเริ่มทำวิจัยใน lab ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเป็น Food Science อยู่ 11 เดือน เพื่อเอา pain point ต่าง ๆ ค่อย ๆ คลี่ออก แล้วก็หานวัตกรรม และวิทยาศาสตร์มาจับตาม solution สรุปสุดท้ายเปิดตัว product ก็ได้รางวัลด้านนวัตกรรมแห่งชาติในปีนั้นเลย

นวัตกรรมแบบโทฟุซัง ปัจจุบันโทฟุซังมีผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ น้ำเต้าหู้พาสเจอร์ไรส์ นมถั่วเหลืองออร์แกนิคพาสเจอร์ไรส์ นมถั่วเหลืองออร์แกนิคพาสเจอร์ไรส์แบบโปรตีนสูง และนมถั่วเหลืองออร์แกนิคยูเอชที ที่ส่งให้เป็นเจ้าตลาดนมถั่วเหลืองพาสเจอร์ไรส์ที่ครอง Market Share กว่า 85%  สำหรับในปี 2565 บริษัททำรายได้รวมถึง 600 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะกวาดรายได้แตะ 850 บาท และคาดว่าจะเติบโตถึง 1,000 ล้านบาทในปี 2567 

เริ่มมาปีแรก Market Share น่าจะไม่ถึง 30% พอปีที่สองก็ขยับเกินครึ่ง แล้วก็ค่อย ๆ ขยายขนาดตลาดขึ้น จนวันนี้เราน่าจะมีประมาณ 80-90% ของมูลค่าตลาดนมถั่วเหลืองพาสเจอร์ไรส์ที่มีมูลค่าประมาณพันล้านบาท" 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รายได้หลักของโทฟุซังมาจากการขายในประเทศที่ราว 80% และต่างประเทศ 20% ซึ่งเป็นการไปเปิดตลาดในจีนและเวียดนาม โดยเป็นการผลิตในแบรนด์ของพันธมิตร ที่เป็นเจ้าตลาดในประเทศนั้น ๆ  แต่มีแผนจะส่งผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองออร์แกนิคพาสเจอร์ไรส์ ไปวางจำหน่ายที่สิงคโปร์ในปีนี้และฮ่องกงในปีหน้า

ในอดีตพยายามจะส่งแบรนด์ของเราเข้าไป แล้วก็พบว่าค่อนข้างยาก จึงเลือกพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับพันธมิตรเป็นแบรนด์ใหม่ เพื่อขายในจีนและเวียดนาม ซึ่งเราเองก็ซัพพอร์ตสินค้าให้ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี

อย่างไรก็ตาม สำหรับเป้าหมายความสำเร็จระยะยาวของโทฟุซังในมุมมองของสุรนามนั้น เขาเน้นย้ำกับ Post Today ว่าไม่มีเป้าหมายเชิงตัวเลข แต่แค่ต้องการพัฒนาให้บริษัทดีกว่าเมื่อวานในทุก ๆ วัน และยังเป็นแนวทางที่ส่งต่อให้กับทีมงานด้วย ทั้งในแง่ของการสร้างยอดขาย ที่หากไม่ได้ตามเป้าแต่ก็ต้องรู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร และจะแก้ไขได้อย่างไรในวันพรุ่งนี้ เช่นเดียวกับในด้าน R&D ที่จะจุดไหนที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นจากเดิมได้บ้างในทุก ๆ วัน 

นอกจากเรื่องนวัตกรรมแล้ว อีกหนึ่งต้นตอความสำเร็จคือ การมีทีมงานดี ที่สุรนามเปิดเผยว่า เริ่มจากการพยายามสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดูแลกันและสร้างบรรยากาศการทำงานที่ทำให้ทีมงานทุกคนในบริษัทสามารถพูดคุยและปรึกษากัน รวมถึงกล้าที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นได้ โดยที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้กล้าลองผิดลองถูก จากการที่จะไม่ลงโทษหากเป็นความผิดครั้งแรก

ทำให้เกิดการเรียนรู้ในบริษัทว่า เจ้านายเอาจริงกับเนื้องาน แต่เจ้านายไม่เคยด่าถ้าพลาดครั้งแรก แต่แน่นอนถ้าพลาดหลาย ๆ ครั้งก็จะหาวิธีป้องกัน ผมว่าพวกนี้มันช่วยทำให้ทีมกล้าลองผิดลองถูกแล้วนำไปสู่การเติบโต แต่ถ้าทีมงานไม่ได้ลองผิดลองถูกเลย ก็จะไม่โตหรือจะรอฟังแค่คำสั่งอย่างเดียว


แน่อนว่าโทฟุซังไม่ได้มีแต่ด้านที่สวยงามเท่านั้น แต่วิกฤติที่โทฟุซังต้องเผชิญก็มีด้วยเช่นกัน สุรนามเล่าว่าในช่วงแรกของการก่อตั้งกิจการซึ่งยังไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง จึงทำให้บริษัทมีปัญหากับการจ้างโรงงานอื่นผลิตสินค้า ซึ่งเพื่อเป็นการรักษาความลับทำให้ต้องใช้ถึง 3 โรงงาน เพื่อผลิตสินค้า 

นั่นคือต้องจ้างโรงงานที่หนึ่ง เพื่อคั้นน้ำถั่วเหลือง ตามสูตรและกระบวนการที่วิจัยมา จ้างโรงงานที่สองทำฟองเต้าหู้อย่างเดียว และจ้างโรงงานที่สามเพื่อประกอบร่างออกมาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมขาย โดยที่สุรนามรับหน้าที่ขับรถส่งของ เพราะตอนนั้นยังไม่มีพนักงาน แต่สุดท้ายก็เกิดปัญหากับการผลิตสินค้า จึงทำให้ธุรกิจสะดุดไม่สามารถส่งมอบร้านค้าและนำไปสู่การขาดกระแสเงินสด โดยที่ตัวเขาต้องรับมือกับปัญหาเหล่านี้อยู่สักระยะกระทั่งเริ่มมีโรงงาน

อีกจังหวะแห่งความท้าทายของโทฟุซัง เกิดขึ้นในช่วงแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่บริษัทเพิ่งใส่เงินลงทุนไปถึง 400 ล้านบาท แต่ยอดขายตกลง เพราะผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนออกจากบ้านไม่ได้ก็ย่อมกระทบกับยอดขายนั่นเอง

ขณะที่บริษัทมีพนักงานเกือบ 400 คนที่ต้องดูแล ดังนั้นจึงเลือกที่จะชี้แจงปัญหาของบริษัทแบบตรงไปตรงมา เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เผื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนั้นมาได้ เช่น ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในจุดต่าง เป็นต้น

พอเจอโควิด เราเริ่มหันมาดูตัวเอง มาพัฒนาประสิทธิภาพในจุดต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เริ่มหยุดสินค้าที่ไม่ทำกำไร แล้วไปโฟกัสเฉพาะสินค้าที่เรามี margin แล้วลูกค้าตอบรับดี แล้วก็ลีนให้ได้มากขึ้น เพื่อช่วยลดต้นทุน


สุรนามฝากถึงเพื่อนผู้ประกอบการชาว SME ที่ยังสู้อยู่อีกว่า การทำธุรกิจไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ เช่นเดียวกับที่กว่าโทฟุซังจะเติบโตมีรายได้หลายร้อยล้านอย่างทุกวันนี้ก็ผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่ในฐานะผู้บริหารคือการแก้ปัญหา เพื่อให้ค่อย ๆ ผ่านแต่ละปัญหาไป ซึ่งจุดสำคัญคือ มีสติในชีวิตประจำวันทุก ๆ วัน ถ้าเหนื่อยเกินไปก็หาเวลาพักผ่อน และกินน้ำมาก ๆ ไว้ 

เช่นเดียวกับที่บางครั้งเราอาจจะต้องถอย 2 ก้าว เพื่อให้เดินขึ้นไปได้ 4-5 ก้าว เพราะเป็นเรื่องของจังหวะชีวิต ขอแต่แค่อย่าล้มเลิกสิ่งที่ตัวเองพยายามทำ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดไหนก็ตาม สุดท้ายก็น่าจะช่วยทำให้ประสบความสำเร็จได้ 

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว Gemini 3 Flash โมเดล AI ราคาประหยัดแต่ฉลาดเกือบเท่าเดิม