posttoday

SME ไทยอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง People Transformation ต้องมาก่อน!

19 มิถุนายน 2566

SME ไทยอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง People Transformation ต้องมาก่อน Digital Transformation กรณีศึกษาความท้าทายของ SME ไทยมีอะไรบ้างจากคุณปรัชญ์ชนรรทน์ นิธิวาสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มายด์ มัลติพลาย จำกัด และระบบ MEWE

ในเซสชั่น SME Showcase เอสเอ็มอีดาวเด่นของไทย แบ่งปันมุมมอง เอสเอ็มอี ยุคใหม่ ภายในงาน PostToday Smart SME ยุค AI เขย่าโลก วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 เวลา 12.00-16.00 น. ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ คุณปรัชญ์ชนรรทน์ นิธิวาสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มายด์ มัลติพลาย จำกัด และระบบ MEWE เอาธุรกิจของตัวเองมาเป็น Case Study ในงานนี้ว่า การที่เราสามารถยืนหยัดผ่านวิกฤตโควิดมาได้แปลว่าเราไม่ธรรมดา อุปสรรคอะไรบ้างของ SME และการเข้าสู่การทำ Digital Transformation

 

ในส่วนของตัวเองเริ่มธุรกิจ Corporate Training เมื่อประมาณ 12 ปีที่ผ่านมาจนได้เรียนรู้ว่า มีอะไรที่เราจะต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง

 

จากแผนร่างพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13 รู้สึกดีใจมากที่รัฐบาลมีเงินอัดฉีดเข้ามาและก็บอกว่าช่วงปี 2570 จะเป็นช่วงที่รัฐบาลอยากจะยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยรวมไปถึงศักยภาพของแรงงานไทยโดยคาดการณ์แล้วก็จะมีเงินสะพัดอยู่ในระบบประมาณสองหมื่นล้าน และจำนวนคนที่จะได้รับการอบรมหรือว่า Training จะอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านคน เพราะฉะนั้นในทุกๆ 5 ปีก็จะมีสถิติเก็บขึ้นมาว่า ทุก 5 ปีจะมี SMEs เกิดใหม่ขึ้นมาประมาณเจ็ดหมื่นราย แต่หลังจากนั้นหนึ่งปีก็จะล้มหายตายจากไป ทีนี้เมื่อ AI มาเขย่าโลกก็จะเกิด Machine Learning ต่างๆ  หรือ คำว่า Digital Transformation เองก็จะเกิดการเข้าใจผิดว่า การที่เราเข้าไปอยู่ใน E-Commerce ต่างๆ แปลว่า ธุรกิจของเราเข้าสู่ Digital Transformation แล้ว แต่จริงๆ มันยังไม่ใช่

 

เราเจอข้อมูลที่ท้าทายมากเช่น Data Driven ต่างๆ เช่น การเก็บข้อมูลที่กระจัดกระจายมาก ยังไม่มีเดต้าที่มั่นคงจนเอาไปใช้ได้จริงๆ หลายคนมีเดต้ามาแต่ไม่ได้มีอะไรต่อ ข้อมูลล้นไปหมด การเก็บข้อมูลในกระดาษหรือในโปรแกรม Excel แล้วไม่ได้นำไปใช้ต่อไม่เรียกว่า Data Driven

 

การทำ Personalize Marketing ทำให้คนซื้อหรือลูกค้าของเราตัดสินใจในการซื้อสินค้าของเราและใช้สินค้าเราซ้ำ และยังมีส่วนสำคัญในการซื้อบริการของเราสูงขึ้นถึง 70% เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นวันนี้องค์กรไหนยังไม่มีเดต้าเป็นของตนเองถือว่าพลาด จะเข้าสู่กระบวนการทำดิจิทัลไม่ได้เลย

เรื่องของ Ecosystem ถ้าใคร เริ่มต้นธุรกิจ ทำงานคนเดียว ขายลูกค้าเอง ทำทุกอย่างเองหมด ต่อให้เปิดบริษัทมานานกว่า 5-6 ปีแล้ว

จริงๆ แล้วหน้าที่ของ CEO คือการหาเงินเข้ามาและสร้างระบบที่ดีในการทำงาน จึงจะทำให้ธุรกิจขยายขนาดได้ การทำทุกอย่างด้วยกำลังตัวเองเพียงคนเดียวไม่ได้ จริงๆ แล้วช่องทางการทำรายได้ที่จะทำให้ SME เติบโตได้ต้องมีช่องทางมากกว่า 10 ช่องทางด้วยซ้ำ

เราจะทำยังไงให้ธุรกิจของเรามีข่องทางหรือรายได้เพิ่มเข้ามา การขายบริการที่จับต้องไม่ได้จึงเป็นเรื่องท้าทายมาก เพราะ SMEs ทุกองค์กร ไม่ใช่ทุกแห่งจะสนใจการทำ Digital Transformation

 

Differentiation ธุรกิจใหม่ๆ ทุ่มเทแรงใจเยอะ แต่ทำออกมาแล้วไม่คม Product ไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะทำให้ธุรกิจรอด สำหรับ SMEs การทำแบรนด์มันแพงมาก บางทีสายป่านเราอาจไม่ได้ยาว อย่าลืมเรื่องของ Service ซึ่งเป็น Differentiation ที่ดีมาก

 

ต้องทำให้ลูกค้าเข้าใจว่า เขาหาคุณเจอง่ายหรือเปล่า ระบบการติดตั้งมันง่ายมันทำความเข้าใจง่ายหรือเปล่า ไอทีของคุณแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ไวหรือเปล่า อย่ารอจนถึง After Sale Service หรือ บริการหลังการขาย มันจะช้าเกินไป คุณจะแพ้ในสงครามนี้

Product ทำให้มีเงินมียอดขาย แต่ระบบหรือ System ต่างหากที่จะทำให้คุณผันเข้าสู่ Digital Transformation ได้ การเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้าไม่ใช่แค่การสแกน QE Code หรือ แอดไลน์ แต่ต้องเกิดจากระบบ 4 แบบรวมกันคือ:

Marketing System, Sale System, Fulfillment System และ Administration System

SMEs จะรอดหรือไม่รอดขึ้นอยู่กับเดต้าที่คุณมีและนำไปขับเคลื่อนองค์กร ใช้ในการตัดสินใจต่างๆ ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนยังไง AI ก็ดิสรัปอยู่แล้ว

 

SMEs ต้องรู้จักศักยภาพของเราเอง การใช้ระบบที่ใหญ่เกินไปอาจเกินตัว แต่ให้ใช้ระบบที่เหมาะสมกับตัวเอง อย่าไปกลัวเรื่องการทำ Transformation ให้ระวังการใช้อะไรมากมายเลอะเทอะ ไม่มีระบบจนเก็บเดต้าไม่ได้

การขับเคลื่อนที่ดีในองค์กรคือการทำ People Transformation ก่อน แล้ว Digital Transformation จะมาเอง

 

 

 

 

 

 

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ