หุ้นพลังงาน-ตลาดต่างประเทศหนุน SET แรงเทขายเงินดอลลาร์ส่งเงินบาทแข็ง
SET Index ดีดตัวขึ้นช่วงปลายสัปดาห์ ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศและแรงซื้อคืนหุ้นพลังงานช่วยหนุน ส่วนเงินบาทแข็งค่าช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางแรงเทขายเงินดอลลาร์ ตามบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับลง
ความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
เงินบาทแกว่งตัวเป็นกรอบ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนเนื่องจากตลาดรอติดตามข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ และผลการประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีเงินบาทอ่อนค่ากลับไปใกล้ ๆ แนว 34.90 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ
ในช่วงต่อมาท่ามกลางแรงหนุนเงินดอลลลาร์ฯ จาก dot plots ของเฟดซึ่งสะท้อนโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี แม้เฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมที่กรอบ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อ 13-14 มิ.ย. ที่ผ่านมาก็ตาม
นอกจากนี้เงินบาทยังอ่อนค่าลงตามภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินหยวน ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอกว่าที่คาดและสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางจีน
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามบอนด์ยีลด์ เนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณยืนยันว่า เฟดจะสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งตามที่ส่งสัญญาณไว้ตาม dot plots หรือไม่
ในวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.66 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับ 34.62 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 มิ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 12-16 มิ.ย. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,957.50 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 13,193 ล้านบาท (แม้จะซื้อสุทธิพันธบัตร 2,591 ล้านบาท แต่ก็มีตราสารหนี้หมดอายุ 15,784 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (19-23 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.40-34.90 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สุนทรพจน์ของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์การเมืองและตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค.ของไทย
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ของธนาคารกลางจีน และข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ดัชนีหุ้นไทยพลิกบวกช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นไทยย่อตัวลงเล็กน้อยในช่วงแรก ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่จีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายประเภท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงระหว่างสัปดาห์ โดยมีแรงกดดันจากสัญญาณเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปของเฟด แม้การประชุมรอบล่าสุด เฟดจะมีมติคงดอกเบี้ยตามคาดก็ตาม ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงหนุนของหุ้นกลุ่มพลังงาน
อนึ่ง หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากสุดในสัปดาห์นี้ จากแรงหนุนในหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ในต่างประเทศ
ในวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,559.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.28% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,232.75 ล้านบาท ลดลง 13.84% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 4.11% มาปิดที่ระดับ 480.72 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (19-23 มิ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,545 และ 1,530 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,570 และ 1,585 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์การเมืองในประเทศ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. ดัชนี PMI เดือนมิ.ย. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนมิ.ย. ของจีน การประชุม BOE รวมถึงดัชนี PMI เดือนมิ.ย. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ


