posttoday

“สมชัย เลิศสุทธิวงค์” ชี้ ดีลซื้อ 3BB ไม่ซับซ้อน รอ กสทช.อนุมัติ

05 มิถุนายน 2566

“สมชัย เลิศสุทธิวงค์” เผย ดีล 3BB ยังรอการอนุมัติจากกสทช. เชื่อไม่ซับซ้อน ปัดขึ้นเป็นรายใหญ่ของตลาด พร้อมเดินหน้าตั้งทีมศึกษาแนวทางการให้บริการ เวอร์ชวล แบงก์ รับโอกาสธุรกิจใหม่ ฝากถึงรัฐบาลใหม่ ปั้นนโยบายหนุนกลุ่มทุนรากหญ้า แก้ปัญหาคอร์รัปชัน

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ความคืบหน้าในการขอซื้อกิจการ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB ยังอยู่ระหว่างการรอเพียงความชัดเจนจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยส่วนตัวมองว่าดีลที่เกิดขึ้นไม่มีความซับซ้อน เมื่อรวมกันแล้ว ไม่ได้ทำให้ เอไอเอส เป็นผู้เล่นรายใหญ่เหนือตลาด 

เนื่องจากในตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ยังมีผู้เล่นมากกว่า 3 ราย และการให้บริการในธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไม่ได้อิงกับการถือครองคลื่นความถี่ ดังนั้นใครจะมาทำธุรกิจก็สามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายของกสทช.โดยมีความหวังว่าดีลนี้จะมีความคืบหน้าและสิ้นสุดได้ภายในกำหนดอย่างแน่นอน 

สำหรับในแง่ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมปีนี้ นายสมชัย มองว่า โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตยังคงเป็นสินค้าและบริการมีความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชน แต่ในแง่ของอัตราการขยายตัวคงเติบโตในระดับเลขหลักเดียว ไม่เหมือนกันเติบโตอย่าง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต้นทุนสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าไฟ ค่าอุปกรณ์ไอที ค่าโอเปอเรชัน ต่างๆ เป็นต้น  ดังนั้นการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพจึงมีความท้าทายอย่างมากในเศรษฐกิจที่เป็นอยู่

ทั้งนี้ โดยภาพรวมเอไอเอสมองว่า ผลประกอบการจะเติบโตในระดับมากกว่าจีดีพีประเทศ 1- 2% ยกตัวอย่างเช่น หากจีดีพีประเทศปีนี้เติบโตที่ 3% ผลประกอบการรวมของเอเอสจะโตที่ 4% โดยมากกว่า 70% เป็นบริการจากดาต้า 

ส่วนความคืบหน้าเรื่องการทำธุรกิจ เวอร์ชวล แบงก์ ขณะนี้ เอไอเอส มีการตั้งทีมศึกษาแนวทางการให้บริการไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงเงื่อนไขทีโออาร์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เท่านั้นยืนยันว่า ยังมีความสนใจที่จะดำเนินงานเหมือนเดิมและยังมีพันธมิตรเหมือนเดิมคือ ธนาคารกรุงไทยและกัลฟ์ 

นายสมชัย กล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง โดยส่วนตัวหวังว่ารัฐบาลใหม่จะมีการจัดตั้งให้แล้วเสร็จโดยรวดเร็ว มีความชัดเจนด้านนโยบาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เอกชนปรารถนาอย่างที่สุด มากกว่ามีการเล่นเกมทางการเมืองหรือดึงให้เกิดสุญญากาศ ทั้งนี้ โดยเอไอเอสขอฝากไปยังรัฐบาลใหม่ 3 ประเด็น ได้แก่ 

ประเด็นแรก เรื่องเศรษฐกิจ ขอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาสนับสนุนและช่วยเหลือกลุ่มทุนที่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก หรือ เอสเอ็มอีเ พราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนโดยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งมีการกระจุกตัวในด้านของการบริหารจัดการและรายได้ ดังนั้น หากรัฐบาลใหม่มีนโยบายในการที่เข้าไปช่วยเหลือแก่กลุ่มทุนที่เป็นระดับรากหญ้าจะทำให้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีเสถียรภาพและเกิดความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่าเอไอเอสก็ถือเป็นกลุ่มทุนใหญ่ซึ่งพรรคก้าวไกลจะเข้ามาแก้ไขและเป็นที่จับตานั้น นายสมชัย กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเพราะเอไอเอสพร้อมที่จะแข่งขันภายใต้กฎกติกาที่เท่าเทียมกันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆในตลาด ที่ผ่านมาเมื่อมีการประมูลคลื่นความถี่ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล เอไอเอสก็ยินดีเข้าประมูลโดยไม่มีเงื่อนไขทุกครั้ง เพราะต้องการนำคลื่นความถี่มาให้บริการแก่ประชาชน

ประเด็นที่สอง เรื่องการเมือง ขอให้มีเสถียรภาพของรัฐบาลซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นคู่ค้าหรือพันธมิตรของเอไอเอส ที่เป็นต่างชาตินั้น เขาไม่ได้กังวลว่ากลุ่มใดหรือพรรคการเมืองไหนจะมาเป็นรัฐบาล แต่สิ่งที่คู่ค้าต่างประเทศมองคือความมีเสถียรภาพและความชัดเจนในนโยบาย ซึ่งกลุ่มทุนเหล่านั้นพร้อมที่จะปรับตัวและแก้ไขกฏให้สอดรับกับระเบียบหากมีการเปลี่ยนแปลง 

และประเด็นสุดท้าย คือ เรื่องสังคม ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาสังคมทั้งในเรื่องการคอร์รัปชั่น ปัญหายาเสพติด หรือการจ่ายส่วยตามที่มีกระแสข่าวในช่วงนี้ เอกชนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ที่ฝังรากลึก และมีปัญหาอยู่ใต้พรมมานาน ดังนั้นหากสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ จะเป็นการช่วยยกระดับปากท้องของพี่น้องประชาชนในประเทศให้มีความเป็นอยู่ที่กินดีมากขึ้น เพราะจะเป็นการแก้ไขปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งระบบซึ่งส่วนตัวมองว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าการแจกเงินหรือการหยอดเงินซึ่งเป็นการเลี้ยงไข้ประชาชน