posttoday

DITP เผยต่างชาติซื้อคอนเทนต์ไทยในงานคานส์ คาดรายได้กว่า 1.9 พันล้านบาท

30 พฤษภาคม 2566

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยผลตอบรับที่นำผู้ประกอบการไทยทั้ง 10 บริษัทเข้าร่วมเทศกาล Cannes Film Festival พบกลุ่มผู้ผลิตเอเชียเป็นกลุ่มต่างชาติซื้อคอนเทนต์ไทยเป็นส่วนใหญ่ คาดทำรายได้เข้าประเทศกว่า 1,986 ล้านบาท

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า “บรรยากาศงานแสดงสินค้า  Marche du Film -  Cannes Film Festival 2023 ณ เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 16 – 24 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมาว่า มีการตอบรับที่คึกคักมาก นักธุรกิจและบุคคลสำคัญทั่วโลกเดินทางเข้าร่วมงานกว่า 14,000 ราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

ต่างชาติซื้อคอนเทนต์ไทยคึกคัก

สำหรับการเจรจาการค้าในงานปีนี้ มีนักลงทุน ผู้สร้าง ผู้ซื้อจากต่างประเทศสนใจเข้าร่วมเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการไทย  10 บริษัท รวม 271 นัดหมาย สร้างมูลค่าเจรจาการค้า 1,986 ล้านบาท ผลการเจรจาการค้าที่สำคัญ อาทิ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ได้เจรจาการค้ากับบริษัทจากประเทศโปแลนด์ เวียดนาม และจีน ซึ่งสนใจซื้อภาพยนตร์จำนวนกว่า 20 เรื่อง เพื่อนำไปลงแพลตฟอร์มและฉายในโรงภาพยนตร์

ขณะที่ บริษัท เบนีโทน ฟิล์มส์ จำกัด ได้เจรจาการค้ากับบริษัทจากสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมัน และรัสเซีย ที่ต้องการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ ภายใต้มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำ ในประเทศไทย (Thailand Film Incentive Measures) 

โดยเป็นที่น่าจับตามองว่า แนวโน้มที่ต่างชาติซื้อคอนเทนต์ไทยได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีบนเวทีนานาชาติมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะด้านบริการเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Production & Post Production Services) ที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากประเทศคู่ค้ารายใหม่

รวมถึงการเข้าร่วมเจรจาการค้าของผู้ประกอบการไทย ในเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบริการเกี่ยวเนื่องในตลาดโลก ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ อีกทั้งยังเป็นการขับเคลื่อน Soft Power ของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี

สำหรับงานแสดงสินค้า Marche du Film  - Cannes Film Festival 2023 มีจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 14,000 ราย จาก 120 ประเทศทั่วโลก ทำลายสถิติเดิมที่มีผู้เข้าร่วมในปี 2019 จำนวน 12,500 คน โดยมีตัวแทนแต่ละประเทศเข้าร่วมกว่า 60 คูหา และบริษัทผู้ขายมากกว่า 370 บริษัท รวมไปถึงกิจกรรมเสวนากว่า 60 รายการ

โดยปีนี้มีนักลงทุนและผู้สร้างในธุรกิจบันเทิงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกลับมาเข้าร่วมงานจำนวนมากยิ่งขึ้น หลังจากกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบภายหลังสถานการณ์ โควิด-19 สิ้นสุดลง ถือเป็นเรื่องดีที่ตลาดอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก กลับมาคึกคักและได้รับความสนใจจากบุคคลในแวดวงธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากยิ่งขึ้น

สำหรับคอนเทนต์ไทยยังคงได้รับผลตอบรับที่ดี ด้วยจุดแข็งไทยมีความพร้อม ในหลากหลายด้าน ทั้งบุคลากรที่มีความสามารถ และค่าใช้จ่ายแรงงานที่เหมาะสม ประกอบกับความน่าเชื่อถือและการมีผลงาน เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกอย่างต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ