posttoday

ธปท. คาดส่งออกก.พ. ปี66 ยังติดลบ หลังเศรษฐกิจโลกยังชะลอ

28 กุมภาพันธ์ 2566

ธปท.เผยเศรษฐกิจเดือนม.ค. ฟื้นตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อลดลง ตามแรงกดดันด้านพลังงานลดลง ส่งสัญญาณส่งออกไทยเดือนพ.ย.มีแนวโน้มติดลบ หลังเศรษฐกิจโลกยังชะลอ ชี้บาทแข็งในขณะนี้ไม่กระทบส่งออก

น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษก ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจเดือนม.ค. 2566 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค. ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 4.1%  จากเดือนธ.ค.2565 อยู่ที่ 2.6% สอดคล้องกับปัจจัยสนับสุนนกำลังซื้อที่ปรับดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ขณะที่ตลาดแรงงานโดยรวมทยอยฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยมีจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบประกันสังคมเพิ่มเงิน 0.2% หรือ 11.6 ล้านคน โดยเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างลดลงต่อเนื่อง อยู่ที่ 1.5% จากเดือนก่อนที่ลดลง 3.2% 

 

ขณะที่มูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 3.3% จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลงอยู่ที่ 12.3% สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมและเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน ลดลง 4.4% จากเดือนก่อนหน้า ที่ลดลง 8.5%  สำหรับกิจกรรมในภาคบริการปรับเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวไทย ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอลงบ้างอยู่ที่ 2,144 พันคน จากเดือนก่อนอยู่ที่ 2,241 พันคน เนื่องจากจำนวนเครื่องบินไม่เพียงพอ และการขาดบุลลากรภาคการท่องเที่ยว ส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอน ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำและลงทุน 

 

อย่างไรก็ตามมองว่า เมื่อเทียบกับปี 2566 กับ ปี 2565 ประเมินว่า การส่งออกเดือนก.พ. 2566 มีแนวโน้มติดลบ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ถือเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเชื่อว่าจะเห็นเศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวดีกว่านี้ ได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้

 

ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจากดุลการค้าที่กลับมาขาดดุล ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุลต่อเนื่อง ขาดดุลอยู่ที่ 2.0 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

 

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากทั้งหมวดพลังงานและอาหารสดอยู่ที่ 5.02% จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.89% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงตามราคาอาหารสำเร็จรูปเป็นสำคัญ อยู่ที่ 3.04% จาก 3.23%

 

ขณะที่ สถานการณ์ค่าเงินบาท เฉลี่ยเดือนม.ค.2566 แข็งค่าขึ้นตามมุมมองที่ดีของนักลงุทนต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย จากการเปิดประเทศของจีนที่เร็วกว่าคาด รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่แรงกว่าที่คิดไว้ ส่งผลให้เงินบาทปรับตัวแข็งค่ากว่าคู่ค้า คู่แข็ง

 

อย่างไรก็ตาม ธปท.พยามดูแลให้ไม่ค่าเงินผันผวนจนเกินไป จนไปกระทบต่อความสามารถการแข่งขันของภาคธุรกิจ ซึ่งขณะนี้มองว่า ค่าเงินบาทที่มีความผันผวน มีผลกระทบของเศรษฐกิจ หรือภาคการส่งออกน้อยมาก

 

น.ส.ชญาวดี ชัย กล่าวด้วยว่า  ยอมรับว่า จีดีพีไตรมาส 4 ปี 2565 ของสภาพัฒน์ ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด คือ อยู่ที่ 1.5% ทำให้ในเดือนมี.ค.นี้ ธปท.จะมีการนำปัจจัยดังกล่าว รวมถึงปัจจัยอื่นๆ มาพิจารณาปรับตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่อีกครั้ง 
 


 

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ