posttoday

แบงก์ พร้อมอายัดบัญชีม้า หากกฎหมายบังคับใช้

31 มกราคม 2566

สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมอายัดบัญชีม้า หากกม.บังคับใช้ แนะแบงก์ต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบในการดำเนินการร่วมกัน เพื่อให้เป็นมาตรฐาน เช่นเดียวกับออกคำสั่งต้องมีความรวดเร็ว ทันการณ์มากพอ ถึงจะหยุดความเสียหายได้

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวถึงกรณี คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่(24 ม.ค.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนประกาศใช้บังคับต่อไป โดยสาระสำคัญหนึ่งได้เพิ่มอำนาจให้ธนาคารสามารถอายัดบัญชีได้ทันทีเป็นการชั่วคราว ไม่ต้องรอแจ้งความก่อน หากสงสัย หรือได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานว่าเป็นบัญชีม้า ว่า หากจะมีการออกเป็นกม.เพื่อบังคับใช้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ หรือ ธนาคารพาณิชย์ พร้อมปฎิบัติตาม ขณะนี้รอเพียงความชัดเจน และรายละเอียดของร่างกม.ดังกล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม หลักการสำคัญของกม. ที่ต้องพิจารณา คือ 

 

1.ต้องมีฐานอำนาจ คือหมายถึง ใครเป็นผู้ออกคำสั่ง โดยต้องมีสภาพบังคับให้สถาบันการเงิน (แบงก์พาณิชย์)ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย  หรือสถาบันการเงินของรัฐ (แบงก์รัฐ) หากมีฐานอำนาจรองรับ ก็ยินดีดำเนินการ เพราะต้องเข้าใจว่า การอายัดบัญชีเรื่องเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เนื่องจากบัญชีเปิดตามกระบวนการอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นแบงก์อาจถูกฟ้องร้องได้ แม้สุดท้ายเจ้าของบัญชีจะถูกหลอก หรือร่วมมือกระทำผิดด้วย ก็ตาม 

 

2. คำสั่งที่จะให้แบงก์อายัดบัญชี จะส่งมาในช่องทางใด และใช้เวลาเท่าใดกว่าคำสั่งนั้นจะมาถึงแบงก์ เช่น คำสั่งมาในรูปแบบ หรือ อิเล็กทรอนิกส์ ที่สำคัญจะต้องกำหนดระยะเวลา Service Level Agreement (SLA )ด้วยว่า ให้ดำเนินการภายในกี่นาที  ซึ่ง Operation ของแต่ละแบงก์มีการตกลงร่วมกันหรือยังว่า แบงก์จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกี่นาที หรือชม. ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการวางแผนเพื่อให้เกิดมาตฐาน ถึงจะสามารถหยุดความเสียหายได้ เพราะบัญชีม้าที่เกิดความเสียหาย ยอดเงินจะถูกโอนย้าย หรือถูกถอนออกไปอย่างรวดเร็ว 

 

สำหรับ ร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าว คาดว่าจะออกมาบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนก.พ.นี้ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 

 

1. สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจ มีอำนาจแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าผ่านระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูล

 

2. ผู้ให้บริการโทรคมนาคม มีอำนาจแลกเปลี่ยนข้อมูล และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงาน ปปง. และหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนได้

 

3. สำนักงาน กสทช.เป็นหน่วยงานจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางเท่าที่จำเป็น เกี่ยวกับข้อมูลการลงทะเบียนผู้ใช้งาน ข้อความสั้น เพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวนและป้องกัน

 

4. ขั้นตอนในการระงับการทำธุรกรรม อาทิ 

 

• กรณีสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจพบเหตุอันควรสงสัยเองหรือได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงาน     ให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจระงับการทำธุรกรรม แล้วแจ้งให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่รับโอนระงับการทำธุรกรรมต่อไปทันทีเป็นการชั่วคราว หากตรวจสอบแล้วไม่พบเหตุสงสัย ให้สามารถดำเนินการทำธุรกรรมต่อไปได้

 

• กรณีได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจระงับการทำธุรกรรมและแจ้งให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่รับโอนระงับการทำธุรกรรมไว้ทันทีเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ผู้เสียหายร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายในเวลา 48 ชั่วโมง และให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นภายในเวลา 7 วัน นับแต่วันได้รับแจ้ง

 

 5.การแจ้งข้อมูลหรือหลักฐาน สามารถแจ้งผ่านทางโทรศัพท์หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ 

 

6.กำหนดบทลงโทษ แบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้

 

1) ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตน และห้ามไม่ให้ผู้ใดยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้ซิมโทรศัพท์ของตนในทั้งที่รู้หรือควรจะรู้ ซึ่งอาจจะนำไปใช้ในการทุจริตหรือทำผิดกฎหมาย ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

2) ห้ามไม่ให้ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือซิมโทรศัพท์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกระทำความผิดอาญา ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,0000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ทั้งนี้ ร่างพระราชกำหนดดังกล่าว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการหลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินโดยผ่านการติดต่อทางโทรศัพท์หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และผู้ทำการเปิดบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำเงินหรือทรัพย์สินมาใช้ในการกระทำความผิดอาญา โดยให้อำนาจแก่หน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลธุรกรรมทางการเงิน สามารถระงับหรือหน่วงการทำธุรกรรมทางการเงินในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในกรณีที่พบพฤติกรรมผิดปกติหรือเมื่อมีผู้ร้องเรียนต่อธนาคาร และให้อำนาจธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเปิดเผย เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดออนไลน์ผ่านระบบฐานข้อมูลกลาง เพื่อใช้ในการป้องกัน ระงับ ยับยั้ง การก่ออาชญากรรมออนไลน์

 

รวมทั้งยกเว้นข้อจำกัดการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคล อันเป็นการขจัดปัญหาข้อกฎหมายบางประการที่ทำให้การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ต้องติดขัดหรือล่าช้าไม่ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทั้งนี้ บัญชีม้า คือ บัญชีธนาคาร ของคนอื่นที่คนร้ายใช้เป็นช่อง ทางรับเงินและโอนเงิน ที่ได้ มาจากการทำผิด เพื่อป้องกันไม่ให้มีพยานหลักฐาน เชื่อมโยงมาถึงตัวคนร้ายมีหลายวิธีให้ได้มา ซึ่ง บัญชีม้า ทั้งโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล นำไปเปิดบัญชี, จ้างให้บุคคลอื่นเปิดบัญชีหรือรับซื้อบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลทั่วไป เพื่อนำไปใช้ทำความผิด