posttoday

"ซีอีโอ" ประเมินเศรษฐกิจทั่วโลกติดลบ มากที่สุดในรอบ 10 ปี

18 มกราคม 2566

PwC เผยผลสำรวจซีอีโอทั่วโลก 73% เชื่อเศรษฐกิจโลกโตลดลงในช่วง 12 เดือนข้างหน้า สะท้อนมุมมองลบมากที่สุดในรอบ 10 ปี

PwC บริษัทตรวจสอบบัญชีสี่แห่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดเผยผลการสำรวจซีอีโอทั่วโลกประจำปี ครั้งที่ 26 ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของซีอีโอ 4,410 คน ใน 105 ประเทศและดินแดน ล่าสุด ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2565 พบว่า ซีอีโอเกือบสามในสี่ หรือสัดส่วน 73% เชื่อว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะลดลงในช่วง 12 เดือนข้างหน้า สะท้อนมุมมองลบมากที่สุดในรอบ 10 ปี

 

มุมมองดังกล่าวถือ เป็นมุมมองในแง่ลบมากที่สุด ของซีอีโอเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก นับตั้งแต่เราเริ่มถามคำถามนี้เมื่อ 12 ปีก่อน และเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากมุมมองที่สดใสในปี 2564 และ 2565 ซึ่งในเวลานั้น ซีอีโอมากกว่าสามในสี่ เชื่อว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น 

 

นอกจากสภาพแวดล้อมที่ท้าทายแล้ว ซีอีโอเกือบ 40% ไม่คิดว่าองค์กรของตนจะมีศักยภาพทางเศรษฐกิจได้ในช่วงสิบปีนี้ หากยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปในเส้นทางปัจจุบัน ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่สอดคล้องกันในหลายภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ โทรคมนาคม 46%  การผลิต 43%  การดูแลสุขภาพ 42% และเทคโนโลยี 41% นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของซีอีโอเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของบริษัทของตนเองยังลดลงอย่างมากตั้งแต่ปีที่แล้ว ติบลบ 26% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2551-2552 ซึ่งในขณะนั้น ความเชื่อมั่นซีอีโอลดลงไป 58%

 

เมื่อพิจารณาในระดับโลก พบว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง โดยประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจ จี7 อย่างฝรั่งเศส  เยอรมนี และสหราชอาณาจักร  เทียบกับ ซึ่งล้วนถูกกดดันจากวิกฤตพลังงานที่กำลังดำเนินอยู่ มีทัศนคติในเชิงลบเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตในประเทศมากกว่าการเติบโตทั่วโลก

 

นอกจากนี้ ซีอีโอยังระบุถึงความท้าทายหลายประการที่ส่งผลโดยต่อความสามารถในการทำกำไรภายในอุตสาหกรรมของตนเองในช่วง 10 ปีข้างหน้า มากกว่าครึ่ง หรือ 56% เชื่อว่าความต้องการ/ความชอบที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ตามด้วยการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ การขาดแคลนแรงงาน/ทักษะ  และเทคโนโลยีดิสรัปชัน 

 

ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อ ความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาค และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นประเด็นที่ซีอีโอกังวลมากที่สุด ในขณะที่ความเสี่ยงทางไซเบอร์และสุขภาพเป็นปัญหาอันดับหนึ่งในปีที่แล้ว ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเป็นสิ่งที่ซีอีโอกังวลใจมากที่สุดในปีนี้ โดยอัตราเงินเฟ้อ 40% และความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาค 31% เป็นความเสี่ยงที่ซีอีโอกังวลมากที่สุดในระยะสั้น 12 เดือนข้างหน้า และในอีก 5 ปีข้างหน้า รองลงมาคือ 25% ของซีอีโอรู้สึกถึงความเสี่ยงทางการเงินอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ในขณะที่ความเสี่ยงทางไซเบอร์ 20% และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 14% ลดลงเมื่อเทียบกัน

 

สงครามในยูเครนและความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในส่วนอื่น ๆ ของโลก ทำให้ซีอีโอต้องคิดทบทวนใหม่เกี่ยวกับโมเดลธุรกิจในด้านต่าง ๆ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามที่เผชิญกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ได้รวมการหยุดชะงักในวงกว้างเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนสถานการณ์และรูปแบบการดำเนินงานขององค์กร ไม่ว่าจะด้วยการเพิ่มการลงทุนด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์หรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูล 48% การปรับห่วงโซ่อุปทาน 46% การประเมินสถานะตลาดใหม่ หรือขยายตลาดใหม่ ๆ 46% หรือการกระจายการนำเสนอสินค้า/บริการให้หลากหลาย 41%

 

ซีอีโอกำลังลดต้นทุน แต่ไม่ลดจำนวนพนักงานหรือค่าตอบแทน เพื่อตอบสนองต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซีอีโอกำลังมองหาวิธีลดต้นทุนและกระตุ้นการเติบโตของรายได้ 52% ของซีอีโอเลือกที่จะลดต้นทุนการดำเนินงาน ในขณะที่ 51% ใช้วิธีขึ้นราคา และ 48% นำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มากกว่าครึ่ง หรือ 60% กล่าวว่า พวกเขาไม่มีแผนที่จะลดขนาดพนักงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่ซีอีโอส่วนใหญ่ หรือ 80% ไม่ได้วางแผนที่จะลดค่าตอบแทนพนักงาน เพื่อรักษาบุคลากรที่มีความสามารถและลดอัตราการออกจากงานของพนักงาน