posttoday

ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค. 65 ฟื้นต่อเนื่อง 7 เดือนสูงสุดในรอบ 25 เดือน

12 มกราคม 2566

หอการค้าไทย ชี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค.65 ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สูงสุดในรอบ 25 เดือน หลังประชาชนเชื่อมั่นเศรษฐกิจฟื้น จากแรงหนุนภาคท่องเที่ยวที่โดดเด่น คาดเลือกตั้งเงินสะพัด 5 หมื่นล้านบาท ดันจีดีพีปีนี้โตเข้ากรอบ 4%

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนธันวาคม 2565 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่า เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งการท่องเที่ยวของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์โควิดในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลง ทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการอย่างมีนัยสำคัญ 

 

โดย ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 43.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่อยู่ในระดับ 42.0 เช่นเดียวกับ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำ อยู่ที่ระดับ 47. เพิ่มขึ้นจาก 45.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 58.1 เพิ่มขึ้นจาก 56.4 แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวขึ้น 

 

นอกจากนี้ จากสถานการณ์ที่นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวไทยเร็วกว่าที่คาดจากเดิมคาดว่าจะเข้ามาในไตรมาส 2  บวกกับที่รัฐบาลไทยเปิดการเข้าประเทศแบบค่อยข้างเสรี ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์เดียวกับหลายประเทศทั่วโลกใช้กัน จึงทำให้ทั่วโลกเห็นว่า ไทยมีความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวค่อยข้างเร็ว จนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวไทยอย่างมาก จึงเชื่อว่า สถิติจากทุกภาคส่วน ทั้งหอการค้าฯ และทางภาครัฐ น่าจะออกมาทิศทางเดียวกันคือ การท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวอย่างได้โดดเด่น หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา

 

ดังนั้นคำตอบของกลุ่มตัวอย่าง พูดชัดว่า เศรษกิจฟื้น การจ้างงานฟื้น รายได้หาได้คล่องขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างประเทศเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นมากอย่างมีนัยยะสำคัญในทุกสถิติของทุกรายการ ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเกือบ 3 ปี  และดัชนีความเชื่อมั่นในการหางานปรับตัวดีในรอบ 2 ปี  และดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตก็ปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นการปรับตัวขึ้นเยอะและแรงขึ้น สะท้อนความมั่นใจที่มากขึ้น สะท้อนได้จากประชาชนพร้อมใช้เงินสินค้าถาวร ซื้อรถ ซื้อบ้าน และท่องเที่ยว เพิ่มมากขึ้น จนทำสถิติ ทุกรายการ เช่นเดียวกับ ธุรกิจเอสเอ็มอีก็ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 2 ปี เพราะได้รับรายรับที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว 

 

นอกจากนี้ หากพิจารณาถึงสถานการณ์การเมืองไทย ดัชนีก็ปรับตัวสูงขึ้น 4.5 จุด ดีสุดในรอบ 3 ปี เพราะคนมองการเมืองนิ่ง ไม่มีความผลิกผันทางการเมืองในแง่ของความไม่สงบสุข หรือมีอุบัติเหตุทางการเมืองต่างๆ ขณะที่ สถานการณ์โควิดเริ่มคลายตัวลง ด้วยเหตุผลนี้ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นขึ้น ส่งผลให้ดัชนีแห่งความสุขก็อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเหมือนกัน

 

ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้หอการค้าไทยฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ว่า จะฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนได้ใน ช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยครึ่งปีแรกเศรษฐกิจควรจะเติบโตอยู่ที่ 3.4-3.5% และครึ่งปีหลังโต 3.7-3.8% ทำให้เฉลี่ยทั้งปีโต 3.6% และเชื่อว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะค่อยๆไต่ขึ้น และมาอยู่ในช่วง 100 จุดได้ในปลายไตรมาส 3 –ไตรมาส 4 ของปีนี้ 

 

โดย จุดสำคัญที่ทำให้สภาวะเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะประครองตัวได้ในขณะนี้ คือ การที่นักท่องเที่ยวมาเร็วขึ้นกว่าเดิม สถานการณ์โควิด ความขัดแย้งรัฐเซีย-ยูเครน และ สถาวะเศรษฐกิจโลก ก็ยังไม่ได้เป็นปัจจัยที่รุนแรง ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อเริ่มลดลง ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยชะลอตัวลง ราคาน้ำมันไม่แพงเกินไป จะช่วยให้ผ่อนคลายไม่ให้เศรษฐกิจโลกทรุดตัวรุนแรง ทำให้ไทยยังส่งออกได้ตามคาดหวัง คือขยายตัวได้ราว 1-2% แต่อย่างไรก็ตาม หอการค้าฯ จะเมินเศรษฐกิจอีกครั้งหลังไตรมาสที่ 1 จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนว่าจะเข้ามาจำนวนเท่าใด 

 

สำหรับการเลือกตั้งของไทย ที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่คาดว่า อาจจะเกิดขึ้นได้ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และบรรยกาศการเลือกตั้งจะทำให้มีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท เป็นตัวกระตุกเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง ก่อให้เกิดความคึกคัก เพราะถ้ามีรัฐบาลใหม่จะทำให้เกิดบรรยากาศการลงทุนจากนโยบายของภาครัฐ ประกอบการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้น เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจของไทยโตเข้ากรอบที่ 4% ได้ เพราะเม็ดเงินจากการเลือกตั้ง จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ถึง 3% และจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 และ4 ให้ขยายตัวเป็นบวกไปกว่าเดิมได้ 0.5-0.6% ในแต่ละไตรมาส