posttoday

ลุ้น “เทสล่า-ฮอนด้า” ร่วมมาตรการลดภาษีใช้รถยนต์ไฟฟ้าของรัฐ

12 ธันวาคม 2565

กรมสรรพสามิต ลุ้นค่ายเทสล่า – ฮอนด้า เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยการลดภาษี หลังล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ MOU เข้าร่วมแล้วเป็นรายที่ 12

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างหารือ ผู้ผลิตรถยนต์ และนำเข้ารถยนต์เทสล่า ประเทศไทย ว่าจะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดตัวในไทย เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยายนต์ไฟฟ้า(เอวี) ของรัฐบาลด้วยการลดภาษีหรือไม่  หากเข้าร่วมมาตรการจะต้องผลิตรถเอวีภายในประเทศไทยได้ตามเงื่อนไข คือภายในปี 2567 ต้องผลิตรถได้ตามจำนวนเท่ากับรถที่จำหน่ายได้ โดยจะมีการอุดหนุนส่วนลด 18,000-150,000 บาทต่อคัน โดยปัจจุบันได้มีการลงนามร่วมกับค่ายรถยนต์แล้ว 12 คัน และคาดว่า ปี 2566 จะมีการร่วมลงทุนกับค่าย ฮอนด้า มอเตอร์ จากประเทศญี่ปุ่นอีกราย

สำหรับ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้นำเข้า ที่ร่วมลงนามในข้อตกลงกับกรมสรรพสามิต จำนวน 12 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้นำเข้ารถยนต์ จำนวน 9 ราย และรถจักรยานยนต์ จำนวน 3 ราย อาทิ

กลุ่มรถยนต์

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (MG)
บริษัท เกรท วอลล์มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (GWM)
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด(TOYOTA) 
บริษัท กรีน ฟิวเตอร์ จำกัด
บริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จำกัด 

กลุ่มรถจักรยานยนต์

บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด (Deco Green) 
บริษัทเอช เซม มอเตอร์ จำกัด 
บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 กรมสรรพสามิตได้ลงนามข้อตกลงตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า กับผู้นำเข้ารถยนต์เพิ่มอีก 1 ราย(รายที่12) คือ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด โดยบริษัทจะได้รับสิทธิลดอากรศุลกากร และลดภาษีสรรพสามิต ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของแบตเตอรี่ สำหรับการนำเข้ารถยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle: BEV) ในปี 2565 – 2566 และผลิตรถยนต์ BEV ในปี 2565 – 2568 

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้จ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุน การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์แล้ว จำนวน 1 ครั้ง จำนวนรวมทั้งสิ้น 540 คัน คิดเป็นเงินอุดหนุน จำนวน 81,000,000 บาท และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุน ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์ ครั้งที่ 2 จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,297 คัน คิดเป็นเงิน อุดหนุนจำนวน 194,550,000 บาท

โดยคาดว่าจะมียอดจองและยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่ขอรับสิทธิตามมาตรการฯ ภายในสิ้นปี 2565 รวมกันทั้งสิ้นกว่า 25,000 คัน และจะมีผู้ประกอบ อุตสาหกรรม/ผู้นำเข้ารถยนต์ที่สนใจทยอยเข้าร่วมลงนามเพิ่มขึ้นอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ BEV มีราคาลดลงและสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภค หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่ม มากขึ้นและช่วยส่งผลดีต่อการลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ ขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นกลางทาง คาร์บอน ซึ่งเป็นสิ่งที่กรมสรรพสามิตให้ความส าคัญ และได้บรรจุในเรื่อง สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อยู่ในยุทธศาสตร์ EASE Excise ที่กรมสรรพสามิตจะด าเนินการขับเคลื่อนต่อไป อธิบดีกรมสรรพสามิต